นับจากนี้ธุรกิจที่มุ่งเน้นการดำเนินธุรกิจโดยคาดหวังแต่ผลกำไรสูงสุด โดยปราศจากความรับผิดชอบต่อสังคมจะถูกนักลงทุนมองข้าม ส่วนแนวคิดด้านสิ่งแวดล้อมอย่าง CSR จะเป็นแค่ส่วนเล็กๆ ที่นักลงทุนไม่ค่อยสนใจมากนัก แต่แนวคิด ESG ซึ่งประกอบไปด้วย E = Environment สิ่งแวดล้อม S = Social สังคม G = Governance ธรรมาภิบาล แนวคิดการพัฒนาอย่างยั่งยืนจะสร้างผลตอบแทนการลงทุนแบบยั่งยืนให้กับนักลงทุน จึงไม่แปลกที่นักลงทุน VI (Value Investor) ที่เลือกลงทุนโดยเน้นคุณค่าจะให้ความสนใจบริษัทที่ดำเนินงานตามแนวคิด ESG มากขึ้น
เนื่องจากปัจจุบันนักลงทุนหันมาสนใจในมูลค่าของบริษัทที่ไม่ใช่ข้อมูลทางการเงินเพียงอย่างเดียว หากแต่ให้ความสนใจกับความยั่งยืนที่เป็นปัจจัยสำคัญต่อการดำเนินของธุรกิจ เช่น การพิจารณาว่าการกำกับดูแลกิจการ วิสัยทัศน์หรือพันธกิจของบริษัทมีความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมอยู่ในเกณฑ์ที่สามารถลงทุนได้หรือไม่ และเพื่อสร้างเกณฑ์การวัดมูลค่าขีดความสามารถขององค์กรในเรื่องดังกล่าว จึงเกิดคำว่า ESG ขึ้นในตลาดทุน เพื่อให้ผู้ลงทุนใช้ในการประเมินการดำเนินงานของบริษัท ไปจนถึงผลประกอบการในอนาคต ในขณะที่ CSR เป็นเรื่องของการดำเนินงานที่แสดงให้เห็นถึงความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม และเหตุผลหนึ่งที่นักลงทุนเริ่มหันมาสนใจบริษัทที่ดำเนินงานตามแนวคิด ESG คือการจัดเรตติ้งกองทุน โดยใช้เกณฑ์ด้าน ESG มาเป็นส่วนหนึ่งในการพิจารณาจัดอันดับ โดยแสดงคะแนนในรูปแบบของลูกโลกจำนวน 1-5 ลูกตามระดับ หรือที่เรียกว่า ‘Morningstar Sustainability Rating’ อาจกล่าวได้ว่า บริษัทไหนที่กำลังจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ คงต้องเริ่มนำแนวคิด ESG มาเป็นแนวทางในการดำเนินธุรกิจอย่างจริงจัง และบริษัทที่ทำธุรกิจอย่างมีคุณธรรม โดยยึดตามหลัก ESG อาจช่วยเพิ่มโอกาสในการสร้างผลตอบแทนที่ดีในระยะยาวได้
Morningstar Sustainability Rating หรือเกณฑ์การให้คะแนน ESG โดยแสดงคะแนนในรูปแบบของลูกโลกจำนวน 1-5 ลูกตามระดับ
หนึ่งในองค์กรขนาดใหญ่อย่างเซ็นทรัล รีเทล ก็มีวิสัยทัศน์และพันธกิจที่จะเดินหน้าสร้างความยั่งยืนทางธุรกิจ โดยเน้นการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) ชูแนวทางบูรณาการความยั่งยืน เพื่อมุ่งสู่การประกอบธุรกิจค้าปลีกอันดับหนึ่ง ที่พร้อมเติบโตอย่างแข็งแกร่งในระยะยาว พร้อมปรับตัวเพื่อมุ่งสู่การเป็นบริษัทมหาชน แต่หากย้อนดูโครงการต่างๆ ที่กลุ่มเซ็นทรัลได้ดำเนินกิจกรรมเพื่อความยั่งยืนของสังคม มีมากกว่า 1,000 โครงการ ดำเนินงานตามกรอบแนวคิดขององค์กร ภายใต้ Sustainability Framework ทั้ง 4 ด้าน People / Prosperity / Planet / Peace & Partnerships ซึ่งเซ็นทรัล รีเทล บริษัทภายใต้กลุ่มเซ็นทรัล จึงได้วางแนวทางให้สอดคล้องกับแนวคิดดังกล่าว และดำเนินการภายใต้กรอบ ESG จะพบว่า การทำกิจกรรมดังกล่าวของเซ็นทรัล รีเทลไม่ได้เป็นเพียงกิจกรรมพิเศษ แต่เป็นส่วนหนึ่งในการทำธุรกิจที่จะนำพาให้เซ็นทรัล รีเทล ไปสู่เป้าหมายใหญ่คือ ‘ความยั่งยืน’
ที่ผ่านมา เซ็นทรัล รีเทลดำเนินโครงการตามแนวคิดที่เชื่อว่า การมอบสิ่งของให้ผู้ขาดแคลน การมอบเงินให้คนที่เดือดร้อน หรือจะสู้สอนให้เขาหาเงิน หนึ่งในโครงการที่สะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญต่อหลัก ESG คือ Central Tham (เซ็นทรัล ทำ) ที่มุ่งเน้นการสร้างงาน สร้างอาชีพ สร้างชุมชน และสังคมคุณภาพชีวิตที่ดีแก่สังคมอย่างยั่งยืน
จากกรอบแนวคิด ESG (Environment, Social และ Governance) เซ็นทรัล รีเทล ได้ทอนออกเป็นโครงการต่างๆ อย่างเป็นรูปธรรม ด้านสิ่งแวดล้อม (Environment) เช่น Central Retail Love the Earth: Journey to Zero แคมเปญลดขยะ ลดการใช้พลาสติก ซึ่งเซ็นทรัล รีเทลเป็นกลุ่มค้าปลีกรายแรกๆ ที่รณรงค์ให้ลดการใช้ถุงพลาสติก ผ่านโครงการ ‘Say no to plastic bag’ โดยตั้งเป้าที่จะลดการใช้ถุงพลาสติกให้ได้กว่า 150 ล้านใบ คิดเป็นร้อยละ 30 ของปริมาณการใช้ถุงพลาสติกทั้งหมด อีกทั้งยังลดการสร้างขยะอาหารและการบริหารจัดการขยะตามระบบเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) ด้วยความร่วมมือกับทางกรุงเทพมหานคร ในการนำส่งขยะอาหารที่เหลือนำไปทำเป็นปุ๋ย รวมไปถึงการลดปัญหามลพิษด้วยการใช้พลังงานสะอาด โดยการติดตั้งแผงเซลล์แสงอาทิตย์บนหลังคาของอาคารร้านค้าและห้างสรรพสินค้าในเครือเซ็นทรัล รีเทล และการจัดให้มีสถานีอัดประจุไฟฟ้า (EV Charger) ตลอดจนโครงการที่จัดทำขึ้นเพื่อดูแลสิ่งแวดล้อมและภูมิทัศน์รอบศูนย์การค้า ให้ชุมชนโดยรอบมีสุขภาพและชีวิตความเป็นอยู่ที่ดี เช่น โครงการเซ็นทรัลกรีน และโครงการปลูกต้นไม้พร้อมฟื้นฟูป่าทั่วประเทศ ฯลฯ
ด้านสังคม (Social) ด้วยความรู้ความเชี่ยวชาญทางธุรกิจ จึงนำมาพัฒนาต่อยอดให้กับคนในประเทศ สร้างรายได้ให้กับชุมชนผ่านการพัฒนาผลิตภัณฑ์ท้องถิ่น ส่งเสริมเกษตรกรและชาวบ้านตั้งแต่ต้นทางสู่ปลายทางอย่างยั่งยืน โครงการจริงใจ Farmers’ Market นำกลยุทธ์แบบ Win-Win จัดสรรพื้นที่จำหน่ายสินค้าชุมชนภายในศูนย์การค้า แบ่งปันความรู้ด้านการค้าปลีกให้กับเกษตรกร อีกทั้งให้เกษตรกรกระจายสินค้าผ่านศูนย์การค้า และช่วยยกระดับผู้ประกอบการขนาดเล็ก (SME) ให้ดีขึ้นด้วยการจัดฝึกอบรมให้ความรู้ในด้านต่างๆ เช่น การจัดทำแผนธุรกิจค้าปลีก เพื่อให้ผู้ประกอบการขนาดเล็กสามารถเติบโตได้ในเวทีการค้า อีกทั้งผู้บริโภคก็ได้ซื้อสินค้าในราคาที่เป็นมิตร ซึ่งโครงการจริงใจ Farmers’ Market ยังถือเป็นกรณีศึกษาของการพัฒนา SME ไปพร้อมๆ กับการเปิดโอกาสให้ธุรกิจขนาดเล็กเข้ามีส่วนร่วมขายสินค้าภายใต้ธุรกิจค้าปลีกขนาดใหญ่ได้ และหากมองไปถึงความยั่งยืน การให้ SME เข้ามาเปิดตลาดในห้างเซ็นทรัล ยังเปิดโอกาสให้ธุรกิจเล็กๆ ได้ต่อยอดไปอีกในอนาคต เห็นได้จากปัจจุบัน โครงการจริงใจ Farmers’ Market เปิดไปแล้วทั้งสิ้น 14 สาขา สามารถสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรได้มากกว่า 100 ล้านบาท สนับสนุนมากกว่า 2,431 ครัวเรือน 9,391 คน 278 ตำบล และมีแผนที่จะเปิดให้ครบ 45 สาขา ในปี 2021
ด้านการพัฒนาคน ซึ่งเป็นเยาวชนของประเทศผ่านการศึกษา (People) เซ็นทรัล รีเทลได้สนับสนุนการศึกษาไปแล้วกว่า 134 โรงเรียน นักเรียนและเยาวชนอีกกว่า 34,890 คน สำหรับในด้านคนพิการ ด้วยการเล็งเห็นถึงการลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม จึงได้จัดตั้งศูนย์ Contact Center สำหรับคนพิการ ที่ปัจจุบันเซ็นทรัล รีเทล ช่วยเหลือผู้พิการไปแล้วกว่า 500 คน ผ่านการส่งเสริมการประกอบอาชีพในจังหวัดต่างๆ โดย Contact Center ของ Power Buy และไทวัสดุ ก็มีคนพิการร่วมงานอยู่ด้วย ล่าสุด เซ็นทรัล รีเทลให้การสนับสนุนสมาคมรวมใจคนพิการในจังหวัดอุดรธานี ในการสร้างโรงเรือนเลี้ยงไก่ไข่ และโครงการสานตะกร้าพลาสติก รวมทั้งส่งเสริมอาชีพร่วมกับมูลนิธิบ้านสมานใจ จังหวัดเชียงใหม่ โดยให้การสนับสนุนการพัฒนาอาคารและการตลาด เพื่อต่อยอดการผลิตสำหรับผลิตภัณฑ์ผ้าซาโอริจากฝีมือของศิลปินที่เป็นออทิสติก ฯลฯ พร้อมทั้งยังส่งเสริมศิลปวัฒนธรรมของชุมชนที่นาหมื่นศรี จังหวัดตรัง ในการปรับปรุงพิพิธภัณฑ์ผ้าทอ กระทั่งกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยว เป็นการพัฒนาเศรษฐกิจภายในประเทศอีกทางหนึ่งด้วย
การดำเนินธุรกิจของเซ็นทรัล รีเทล อยู่ภายใต้หลักธรรมาภิบาล (Governance) โดยยึดถือเรื่องความซื่อสัตย์ สุจริต โปร่งใส และเป็นธรรม กรรมการอิสระของเซ็นทรัล รีเทล มีคุณสมบัติตามที่กฎหมายกำหนด และไม่มีผลประโยชน์เกี่ยวข้องกับผู้ถือหุ้นรายใหญ่ จึงสามารถทำหน้าที่ปกป้องสิทธิของผู้ถือหุ้นรายย่อย และมีคณะกรรมการชุดย่อยชุดอื่นนอกเหนือจากคณะกรรมการบริหาร นอกจากนั้นเซ็นทรัล รีเทลมีนโยบายให้มีการเปิดเผยข้อมูลการดำเนินงานอย่างโปร่งใส และกำหนดให้มีผู้รับผิดชอบในการดำเนินงานแต่ละส่วนอย่างชัดเจน ทั้งมีนโยบายต่อต้านทุจริตคอร์รัปชันให้พนักงานทุกระดับรับทราบแนวทางปฏิบัติและข้อกำหนดเกี่ยวกับความรับผิดชอบในการดำเนินการที่เหมาะสม และหลีกเลี่ยงความเสี่ยงในการเกิดทุจริตคอร์รัปชัน
อาจกล่าวได้ว่า ตลอด 72 ปี แห่งการดำเนินงานของเซ็นทรัล รีเทล ทำให้เห็นเป็นที่ประจักษ์ถึงการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนจนถึงวันนี้และในอนาคต ซึ่งจะเกิดขึ้นไม่ได้หากการดำเนินธุรกิจเป็นการมุ่งเน้นแต่ผลกำไรเพียงอย่างเดียว โดยไม่คำนึงถึงผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดี ด้วยเหตุนี้ เซ็นทรัล รีเทลในฐานะผู้นำด้านธุรกิจค้าปลีกของเมืองไทย ภายใต้กลุ่มเซ็นทรัลจึงมุ่งดำเนินงานโดยยึดหลักความใส่ใจสิ่งแวดล้อม สังคม และหลักธรรมาภิบาล (ESG) มาเป็นหลักสำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจ มุ่งหวังสร้างผลกระทบที่ดีต่อสังคม สร้างการเติบโตที่ยั่งยืนให้กับบริษัท พร้อมกับสร้างสรรค์คุณค่าร่วมกันระหว่างธุรกิจของเซ็นทรัล รีเทลและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกฝ่าย ทั้งผู้บริโภค ภาครัฐ พันธมิตร คู่ค้า ตลอดจนพนักงานทุกคน และคนในสังคมที่เข้าไปดำเนินกิจการเปรียบเสมือนการสร้างสรรค์คุณค่าร่วมกับสังคม (Creating Shared Values) โดยเริ่มจากทัศนคติและการดำเนินงานของทุกคนภายในองค์กร และขยายสู่ภายนอก เพื่อให้เกิดผลในวงกว้างอย่างต่อเนื่อง
นี่คือการประกาศจุดยืนที่ชัดเจนของเซ็นทรัล รีเทล ที่จะยึดหลักความใส่ใจสิ่งแวดล้อม สังคม และหลักธรรมาภิบาล (ESG) มาใช้เป็นหลักสำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจบนเส้นทางแห่งความยั่งยืน นั่นเป็นเหตุผลที่ว่า ทำไม Central Retail จึงกลายเป็นธุรกิจเนื้อหอมสำหรับนักลงทุน
อ้างอิง:
