เกิดอะไรขึ้น:
เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2566 บมจ.ดิ เอราวัณ กรุ๊ป (ERW) รายงานกำไรสุทธิแข็งแกร่งที่ 240 ล้านบาท และหากตัดรายการพิเศษออกไป พบว่ากำไรปกติอยู่ที่ 229 ล้านบาท ดีกว่าที่ InnovestX Research และตลาดคาดการณ์ไว้ (90-149 ล้านบาท) อย่างมาก โดยได้รับการสนับสนุนจาก RevPar ที่แข็งแกร่ง โดยเป็นกำไรปกติครั้งแรกนับตั้งแต่ 2Q62 และดีกว่ากำไรปกติใน 4Q62 (ระดับก่อนเกิดโควิด)
สำหรับปี 2565 ERW รายงานขาดทุนสุทธิ 224 ล้านบาท ปรับตัวดีขึ้นอย่างมากจากขาดทุนสุทธิ 2.0 พันล้านบาท ในปี 2564
สำหรับรายการที่สำคัญใน 4Q65 สรุปได้ดังนี้
- รายได้เฉลี่ยต่อห้อง (RevPar) ไม่รวมกลุ่มโรงแรมบัดเจ็ต HOP INN (~82% ของรายได้) ใน 4Q65 เพิ่มขึ้นมาก YoY และเติบโต 44%QoQ โดยได้แรงหนุนจากอัตราค่าห้องพักเฉลี่ย (ARR) ที่เพิ่มขึ้น 18%QoQ และอัตราการเข้าพักที่เพิ่มขึ้นสู่ 82% (จาก 67% ใน 3Q65)
ทั้งนี้ ใน 4Q65 อัตราการเข้าพักสูงกว่าระดับก่อนเกิดโควิด (78% ใน 4Q62) และ ARR สูงกว่าระดับก่อนเกิดโควิดอยู่ 14% ส่งผลทำให้ RevPar ปรับตัวเพิ่มขึ้นสู่ระดับที่สูงกว่าก่อนเกิดโควิดอยู่ 20% การดำเนินงานปรับตัวดีขึ้นในโรงแรมทุกกลุ่ม – กลุ่มโรงแรมระดับลักชัวรี กลุ่มโรงแรมระดับกลาง และกลุ่มโรงแรมชั้นประหยัด
- EBITDA Margin อยู่ในระดับสูงที่ 33.2% ใน 4Q65 ดีขึ้น YoY และ QoQ และต่ำกว่าระดับก่อนเกิดโควิด (34.8% ใน 4Q62) เพียงเล็กน้อย
- อัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อทุนอยู่ที่ 1.8 เท่า ต่ำกว่า Debt Covenant ที่ 2.5 เท่า
กระทบอย่างไร:
วันนี้ (22 กุมภาพันธ์) ราคาหุ้น ERW ปรับเพิ่มขึ้น 3.39%DoD สู่ระดับ 4.88 บาท ขณะที่ SET Index ปรับลดลง 0.54%DoD อยู่ที่ระดับ 1659.62 จุด (ณ 12.30 น.)
แนวโน้มผลประกอบการปี 2566 และกลยุทธ์การลงทุน:
InnovestX Research ปรับประมาณการกำไรปกติของ ERW เพิ่มขึ้นสู่ 502 ล้านบาท (จาก 198 ล้านบาท) ในปี 2566 และ 16% ในปี 2567 ซึ่งชี้ให้เห็นว่ากำไรของ ERW จะสูงกว่าระดับก่อนเกิดโควิดในปี 2566
อย่างไรก็ดี มุมมองเชิงบวกต่อ ARR ที่แข็งแกร่งใน 4Q65 ทำให้ปรับสมมติฐาน ARR เพิ่มขึ้น 11% ในปี 2566 และ 4% ในปี 2567 หากไม่รวมกลุ่มโรงแรมบัดเจ็ต HOP INN คาดว่าอัตราการเข้าพักจะเพิ่มขึ้นจาก 58% ในปี 2565 สู่ 73% ในปี 2566 และ 80% ในปี 2567 และ ARR จะเพิ่มขึ้น 15%YoY ในปี 2566 และ 5% ในปี 2567
ซึ่งจะส่งผลทำให้รายได้เฉลี่ยต่อห้อง (RevPar) เติบโต 45%YoY ในปี 2566 และ 16% ในปี 2567 หรือสูงกว่าระดับก่อนเกิดโควิดอยู่ 4% และ 20% ตามลำดับ
สำหรับ 1Q66 คาดว่าผลประกอบการของ ERW จะแข็งแกร่งขึ้น YoY และ QoQ โดยได้รับการสนับสนุนจากภาพรวมอุตสาหกรรมที่เป็นบวกจากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เพิ่มขึ้น และเชื่อว่าจะช่วยสนับสนุนราคาหุ้นอย่างต่อเนื่อง
โดยกลยุทธ์การลงทุน InnovestX Research ให้คำแนะนำ Tactical Call ระยะ 3 เดือนที่ Outperform สำหรับ ERW ด้วยราคาเป้าหมายสิ้นปี 2566 ที่ปรับใหม่เป็น 5.50 บาทต่อหุ้น (เพิ่มขึ้นจาก 5 บาทต่อหุ้น) อ้างอิง EV/EBITDA ที่ 13 เท่า
ส่วนปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่ต้องติดตาม คือ 1. ภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อความต้องการเดินทาง และ 2. ต้นทุนที่สูงขึ้น ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อความสามารถในการทำกำไร
บทความที่เกี่ยวข้อง
- “นี่เป็นราคาที่เราพึงพอใจทั้ง 2 ฝ่าย” เจ้าของสุกี้ตี๋น้อยกล่าวหลัง Jaymart ควักเงิน 1.2 พันล้านบาทเข้าถือหุ้น 30%
- ADVANC ทุ่ม 32,420 ล้านบาท เข้าซื้อกิจการ 3BB จาก JAS
- กางแผน ‘โอ้กะจู๋’ หลังมี OR เป็นแบ็กอัป เดินหน้าขยายสาขาเพิ่มเป็น 60 แห่ง ขายผักสดและบุก CLMV ก่อน IPO ในปี 2567