สำนักข่าว Bloomberg รายงานว่า กลุ่ม Eurasian Resources Group Sarl หรือ ERG บริษัทเหมืองแร่รายใหญ่ที่รัฐบาลคาซัคสถานถือหุ้นอยู่ 40% วางแผนทุ่มเงินกว่า 1.8 พันล้านดอลลาร์ เพื่อเพิ่มผลผลิตทองแดงและโคบอลต์ในเหมืองที่คองโก แอฟริกา เป็นเท่าตัว หลังความต้องการโลหะมีค่าเหล่านี้เพิ่มขึ้น เนื่องจากความพยายามในช่วงเปลี่ยนผ่านพลังงานจากเชื้อเพลิงฟอสซิลไปสู่พลังงานสีเขียวที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
เบเนดิกต์ โซบอตกา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ERG ระบุว่า การผลิตรถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้นทำให้มีความต้องการใช้แบตเตอรี่ ซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรงกับความต้องการใช้ทองแดงและโคบอลต์ในตลาดโลก โดยการคาดการณ์แร่โลหะอย่างทองแดงที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ทำให้บริษัท ERG มีแนวโน้มเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง
นอกจากนี้โซบอตกายังให้สัมภาษณ์กับสื่อท้องถิ่นระหว่างเข้าร่วมการประชุม Indaba Investing in African Mining ที่เมืองเคปทาวน์ ว่า จากที่เคยเป็นเพียงแค่คนกลุ่มน้อยในมุมมืดของตลาด วันนี้ ERG กลายเป็นศูนย์กลางที่ได้รับความสนใจจากทั้งฝั่งของผู้ผลิตและรัฐบาลเจ้าของประเทศ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- ชิปไม่หายแล้ว แต่โลกอาจเผชิญปัญหาขาดแคลน ‘ทองแดง’ แทน นักวิเคราะห์คาดวิกฤตอาจลากยาวไปถึงปี 2030 จ่อดันราคาพุ่ง 2 เท่า
- ราคาทองแดง จ่อสูงขึ้นปีหน้าหลังจีนผ่อนคลาย Zero-COVID
- ‘กลุ่มทุนจากจีน’ ชนะการประมูล ‘เหมืองลิเธียม’ ในโบลิเวีย ประเทศที่มีแร่หายากมากที่สุดในโลก เสริมแต้มต่อในอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า
รายงานระบุว่า ปัจจุบัน ERG ผลิตทองแดง 200,000 ตัน และโคบอลต์ 25,000 ตันต่อปี ซึ่งหากสถานการณ์ในตลาด EV เป็นไปอย่างที่คาดการณ์ไว้ โซบอตการะบุว่า บริษัทก็เตรียมพร้อมรับมือกับการผลิตที่เพิ่มขึ้น โดยโครงการส่วนใหญ่อยู่ในสถานะที่พร้อมสำหรับการก่อสร้าง ขณะที่บริษัทเหมืองหลายแห่งต้องใช้เวลาหลายปีในการพัฒนาโครงการใหม่
ทั้งนี้ ผลผลิตทองแดงและโคบอลต์ส่วนใหญ่ที่นำมาใช้ในปัจจุบันมาจากแหล่งแร่ที่ถูกค้นพบเมื่อกว่า 1 ปีที่แล้ว
ขณะเดียวกัน ERG กำลังพิจารณาลงทุนในโรงไฟฟ้าพลังน้ำขนาดเล็ก รวมถึงที่เก็บพลังงานแสงอาทิตย์และแบตเตอรี่สำหรับการผลิต ตลอดจนพิจารณาทบทวนการสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินขนาดอย่างน้อย 600 เมกะวัตต์ในโมซัมบิก เนื่องจากไม่มีความสามารถในการส่งไฟฟ้าเพียงพอไปยังคองโก
อ้างอิง: