ภาพรวมของความสัมพันธ์ในปี 2569 หรือ 2026 กำลังจะเปลี่ยนผ่านเข้าสู่ยุคที่ความชัดเจนกลายเป็นหัวใจสำคัญ หลังจากที่ผ่านช่วงเวลาแห่งความสับสนและกระแสไวรัลอย่าง ‘Boyfriends Are Embarrassing’ ที่เคยมองว่าการมีความสัมพันธ์เป็นเรื่องน่าขัดเขิน ในปีที่จะถึงนี้ คนโสดรุ่นใหม่กำลังก้าวเข้ามานิยามความรักในรูปแบบที่จริงจังและจริงใจมากขึ้น โดยเน้นการสื่อสารที่ตรงไปตรงมาและการแสดงออกถึงตัวตนที่แท้จริง เพื่อลดความซับซ้อนและสร้างความสัมพันธ์ที่จับต้องได้
ข้อมูลจาก Tinder แอปพลิเคชันหาคู่ระดับโลก ชี้ให้เห็นว่าปีหน้าจะเป็นปีของความสัมพันธ์ที่ไร้ความคลุมเครือ ซึ่งขับเคลื่อนด้วยความฉลาดทางอารมณ์ที่สูงขึ้น หากปีที่ผ่านมาคือการตั้งเป้าหมาย ปี 2569 จะเป็นปีที่ทุกอย่างกลับสู่ความสงบ คนโสดจะเริ่มปรับจังหวะชีวิตให้ช้าลง เพื่อทำความเข้าใจความต้องการของตัวเองและคู่เดทอย่างลึกซึ้ง โดยไม่เสียเวลากับการเดาใจหรือเล่นเกมความรู้สึกที่บั่นทอนจิตใจอีกต่อไป
เทรนด์แรกที่เด่นชัดที่สุดคือ ‘Clear-Coding’ หรือความชัดเจนในทุกมิติ คนโสดรุ่นใหม่จะไม่ทนนั่งเดาความรู้สึกหรือทำตัวลึกลับซับซ้อน แต่จะให้คุณค่ากับความซื่อสัตย์ทางอารมณ์เป็นอันดับแรก โดยสถิติระบุว่าผู้ใช้งานกว่า 64% ยกให้เรื่องนี้เป็นสิ่งสำคัญที่สุด และอีก 60% ต้องการการสื่อสารที่แสดงเจตนาชัดเจนตั้งแต่ต้น ไม่ว่าจะมองหาความสัมพันธ์ระยะยาวหรือเพียงแค่เพื่อนคุย เพื่อให้ทั้งสองฝ่ายเข้าใจตรงกัน
นอกจากความชัดเจนแล้ว เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI ยังเข้ามามีบทบาทสำคัญในฐานะผู้ช่วยส่วนตัว โดยคนโสดถึง 76% ยอมรับว่าใช้ AI ช่วยออกแบบเส้นทางการออกเดท ตั้งแต่การขอไอเดียสถานที่เดท 39% การคัดเลือกรูปโปรไฟล์ที่ดีที่สุด 28% ไปจนถึงการช่วยเขียนประวัติส่วนตัว 28% ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเทคโนโลยีเป็นเครื่องมือที่ช่วยเพิ่มความมั่นใจในการนำเสนอตัวตนที่ดีที่สุด
ในด้านทัศนคติ เทรนด์ ‘Hot-Take Dating’ สะท้อนให้เห็นว่าคนโสดรุ่นใหม่ให้ความสำคัญกับการมีจุดยืนที่ชัดเจน โดย 37% ระบุว่าการมีค่านิยมร่วมกันเป็นสิ่งจำเป็น และ 41% เลือกที่จะไม่ออกเดทกับคนที่มีมุมมองทางการเมืองแตกต่างกัน เพราะเชื่อว่าหลักการพื้นฐานที่ตรงกันคือรากฐานของความสัมพันธ์ที่ยั่งยืน และช่วยลดความขัดแย้งในอนาคต
ประเด็นทางสังคมกลายเป็นตัวกรองสำคัญในการคัดเลือกคู่เดท ข้อมูลเชิงลึกพบว่าปัจจัยที่ทำให้ความสัมพันธ์ไปต่อไม่ได้ หรือ ‘Dealbreakers’ ได้แก่ การเหยียดเชื้อชาติ 37% มุมมองเรื่องครอบครัวที่ไม่ตรงกัน 36% และทัศนคติต่อสิทธิของกลุ่มเพศหลากหลาย 32% ตัวเลขเหล่านี้สะท้อนว่าคนรุ่นใหม่ไม่ได้มองหาแค่ความเข้ากันได้ทางไลฟ์สไตล์ แต่ยังมองลึกถึงระบบคุณค่าและความเชื่อที่อยู่ภายในใจ
อีกหนึ่งพฤติกรรมที่คนโสดให้ความสำคัญอย่างมากคือมารยาททางสังคม โดย 54% ระบุชัดเจนว่าพฤติกรรมที่รับไม่ได้ที่สุดคือการพูดจาหยาบคายหรือการเหวี่ยงใส่พนักงานบริการ ซึ่งสะท้อนถึงพื้นฐานนิสัยและความเห็นอกเห็นใจผู้อื่น ความใจดีและการให้เกียรติคนรอบข้างจึงยังคงเป็นเสน่ห์ที่ครองใจคนโสดเป็นอันดับหนึ่งในยุคนี้
อิทธิพลของกลุ่มเพื่อน หรือ ‘Friendfluence’ ได้กลายมาเป็นด่านหน้าสำคัญในการตัดสินใจเรื่องความรัก โดยคนโสดกว่า 42% ยอมรับว่าเพื่อนมีอิทธิพลต่อการเลือกคู่เดท และหากใครไม่ผ่านด่านเพื่อน ก็แทบจะหมดสิทธิ์ไปต่อ ในปีหน้า ‘กรุ๊ปแชท’ ของเพื่อนสนิทจะทำหน้าที่เสมือนแม่สื่อแม่ชักในการสแกนและให้ความเห็นเกี่ยวกับว่าที่คนรู้ใจ
ความนิยมในการออกเดทเป็นกลุ่มสะท้อนผ่านฟีเจอร์ Double Date ซึ่งสถิติชี้ว่าผู้ใช้งานเกือบ 85% เป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่อายุต่ำกว่า 30 ปี และผู้ใช้ฟีเจอร์นี้มีโอกาสได้รับการกด Like และ Match มากกว่าโปรไฟล์เดี่ยวถึง 3 เท่า นอกจากนี้ยังมีการส่งข้อความพูดคุยกันมากขึ้นเฉลี่ย 25% เมื่อเทียบกับการแชทแบบตัวต่อตัว เพราะความรู้สึกอุ่นใจและสนุกสนานที่มีเพื่อนร่วมทางไปด้วย
ในแง่ของความรู้สึก เทรนด์ ‘Emotional Vibe Coding’ กำลังมาแรง โดยคนโสดในปีหน้าจะให้ความสำคัญกับบทสนทนาที่จริงใจถึง 56% และต้องการความเห็นอกเห็นใจกันมากขึ้น 45% โดยเฉพาะหลังจากถูกปฏิเสธ คำว่า ‘มีความหวัง’ กลายเป็นนิยามหลักของการเดทในปี 2569 สะท้อนให้เห็นว่าแม้โลกภายนอกจะวุ่นวาย แต่ในพื้นที่ความรัก พวกเขายังคงมองหาพลังงานบวกและโอกาสใหม่ๆ เสมอ
คนรุ่นใหม่ยังมีแนวคิดการเดทแบบ ‘Dating for the plot’ หรือการใช้การเดทเพื่อเขียนเรื่องราวชีวิตให้กับตัวเอง โดย 28% บอกว่าชอบความรู้สึกของการได้แอบชอบหรือมีความรัก แม้ว่าสุดท้ายความสัมพันธ์นั้นจะไม่ได้ไปต่อก็ตาม การมองโลกในแง่ดีและการเปิดรับประสบการณ์ใหม่ๆ กลายเป็นวิธีที่พวกเขาใช้สร้างสีสันและความหมายให้กับชีวิตโสด
สำหรับบริบทในประเทศไทย ข้อมูลสะท้อนถึงพฤติกรรมที่มีเอกลักษณ์ โดย 10 อันดับเทรนด์การออกเดทที่มาแรงที่สุดคือ การหาเพื่อนคุย ตามมาด้วยความชอบสกินชิพ และความนิยมในรูปลักษณ์แบบ ‘หุ่นหมี’ รวมถึงบุคลิกขี้อ้อนแบบ ‘หมาเด็ก’ ที่ติดอันดับต้นๆ นอกจากนี้ กลุ่มคนรักสัตว์อย่างทาสแมวและคนรักหมาก็ยังเป็นกลุ่มใหญ่ที่มองหาคู่เดทที่มีความสนใจเดียวกันอย่างเหนียวแน่น
เรื่องอาหารการกินยังคงเป็นตัวเชื่อมความสัมพันธ์ที่ดีที่สุดสำหรับคนไทย โดย ‘กาแฟ’ ครองแชมป์เครื่องดื่มยอดนิยม ตามมาด้วยเบียร์และเหล้าสำหรับสายปาร์ตี้ ส่วนเมนูอาหารที่คนโสดไทยโปรดปรานที่สุด 3 อันดับแรกหนีไม่พ้น ชาบู มหมูกระทะ และซูชิ ซึ่งสะท้อนวัฒนธรรมการกินที่เน้นการใช้เวลาร่วมกันหน้าเตา เป็นกิจกรรมที่ช่วยละลายพฤติกรรมและสร้างบทสนทนาได้อย่างเป็นธรรมชาติ
เมื่อพูดถึงสถานที่ยอดนิยมสำหรับการปักหมุดนัดพบ ‘กรุงเทพมหานคร’ ยังคงครองอันดับหนึ่งอย่างไม่ต้องสงสัย รองลงมาคือเมืองท่องเที่ยวชายทะเลอย่างพัทยา และหัวเมืองใหญ่อย่างเชียงใหม่ ขอนแก่น และปทุมธานี ส่วนเมืองต่างประเทศในฝันที่คนโสดไทยนิยมปักหมุดไปหาคู่เดทมากที่สุดคือสิงคโปร์, นิวยอร์ก และซิดนีย์ แสดงถึงความเปิดกว้างในการมองหาความรักข้ามพรมแดน
ดนตรีเป็นอีกหนึ่งสื่อกลางที่บ่งบอกตัวตนได้ดีที่สุด เพลงประจำตัวบน Spotify ที่คนโสดไทยนิยมใช้สะท้อนความหลากหลาย ตั้งแต่เพลง‘Manchild’ ของ Sabrina Carpenter ไปจนถึงเพลง ‘Luther’ ของ Kendrick Lamar และเพลง K-Pop จังหวะสนุกอย่าง ‘Golden’ เพลงเหล่านี้ถูกนำมาเป็นเครื่องมือในการสื่อสารรสนิยมและดึงดูดคนที่ ‘ไวบ์’ ตรงกัน
เมลิสซ่า ฮ็อบลีย์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาดของ Tinder กล่าวสรุปทิศทางนี้ไว้อย่างน่าสนใจว่า “คนเรามีเรื่องที่ต้องรับผิดชอบมากมายพอแล้ว ดังนั้นการออกเดทไม่ควรเป็นเรื่องที่ทำให้รู้สึกกดดัน ปัจจุบัน คนโสดกำลังมองหาความสัมพันธ์สบายๆ ซื่อสัตย์ต่อกัน และสนุกสนาน” ซึ่งสอดคล้องกับพฤติกรรมผู้ใช้งานที่ต้องการให้การเดทเป็นเรื่องของการเพิ่มสีสันให้ชีวิต ไม่ใช่การเพิ่มความเครียด
ภาพ : Gumpanat / Shutterstock


