รู้หรือไม่ว่า แค่กดปุ่มปรินต์เอกสารแผ่นเดียวผ่านเครื่องพิมพ์แบบเลเซอร์ เราสูญเสียพลังงานไฟฟ้าไปเท่าไร เราสูญเสียต้นทุนการผลิตที่สูงเกินจริงไปเท่าไร และเราเผลอทำลายสิ่งแวดล้อมไปมากน้อยแค่ไหน
รู้หรือไม่ว่า สำนักงานส่วนใหญ่มักเลือกใช้เครื่องพิมพ์แบบเลเซอร์ เนื่องจากใช้งานง่าย สะดวก และรวดเร็ว อีกทั้งได้คุณภาพงานพิมพ์ที่ดี แม้ว่าปัจจุบันหลากสำนักงานพยายามที่จะลดการใช้กระดาษ แต่ลักษณะงานบางรูปแบบก็ยังจำเป็นต้องใช้เครื่องพิมพ์อยู่ดี
หากเชื่อมโยงการใช้เครื่องพิมพ์แบบเลเซอร์ในสำนักงานกับผลกระทบจากการใช้เครื่องพิมพ์แบบเลเซอร์ พบว่า พนักงานออฟฟิศแทบทุกคนมีส่วนในการก่อให้เกิดค่าใช้จ่ายที่เกินจริงและสร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะทุกครั้งที่คุณกดปุ่มสั่งปรินต์ เครื่องพิมพ์เลเซอร์จะใช้ความร้อนในการพิมพ์มากถึง 800-1,800 วัตต์ ลองคิดเล่นๆ ถ้าทุกสำนักงานกดปุ่มปรินต์เอกสารพร้อมกันตลอด 8 ชั่วโมงทำงาน เราจะสูญเสียพลังงานไฟฟ้ามากขนาดไหน
งานวิจัยของมหาวิทยาลัยมหาสารคามศึกษาเกี่ยวกับการปล่อยมลพิษจากเครื่องพิมพ์ พบว่า เมื่อเครื่องพิมพ์เลเซอร์เริ่มต้นพิมพ์เอกสารขาว-ดำ จะปล่อย PM2.5 ออกมาในลักษณะพัลส์ (Pulse Emission) คือความเข้มข้นเพิ่มสูงขึ้นในช่วงเวลาสั้นๆ เมื่อเทียบผลการทดสอบโดย Keypoint Intelligence-Buyers Lab ซึ่งได้รับการสนับสนุนจาก Epson ที่คำนวณค่าการปล่อยก๊าซ CO2 รายปี อ้างอิงจาก JEMAI-LCA Pro การคำนวณอัตราดูดซับก๊าซ CO2 ของต้น Cedar อ้างอิงตามมาตรฐานของ Japan Factory Agency คือ CO2 8.8 กิโลกรัมต่อต้นต่อปี พบว่า ปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่ปล่อยออกมาจากเครื่องพิมพ์เลเซอร์จะต้องใช้ต้นไม้ถึง 8 ต้น เพื่อดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ทั้งหมด และถ้าทุกสำนักงานปล่อยมลพิษจากการปรินต์เอกสารผ่านเครื่องพิมพ์เลเซอร์พร้อมกัน แล้วเมื่อไรค่าฝุ่นพิษ PM2.5 จะหมดไป
นี่ยังไม่ได้พูดถึงค่าใช้งานในการเปลี่ยนชิ้นส่วนอะไหล่เมื่อหมดอายุการใช้งาน ได้แก่ Fuser Unit, Paper Feed, Transfer, Belt และ Drum และขยะอิเล็กทรอนิกส์ที่เกิดขึ้นมากมาย
ดูเหมือนว่าการเลือกใช้อุปกรณ์สำนักงานสักชิ้นจะมีผลเกี่ยวเนื่องกับการทำธุรกิจที่ต้องคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม องค์กรที่เริ่มใส่ใจสิ่งแวดล้อมมากขึ้นตั้งแต่ต้นน้ำจึงเริ่มมองหาอุปกรณ์สำนักงานที่ช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม Epson แบรนด์เครื่องพิมพ์ชั้นนำ จึงนำเทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพพัฒนาเครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ทสำหรับองค์กร ที่มีประสิทธิภาพเทียบเท่าเครื่องพิมพ์เลเซอร์ แต่ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมได้มากกว่า เทคโนโลยีที่มาพร้อมความประหยัดและประสิทธิภาพสูงสุด
Epson นำเทคโนโลยีเครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ทสำหรับองค์กรที่พัฒนาขึ้นใหม่ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการพิมพ์ในสำนักงานได้อย่างดีเยี่ยม ทั้งเรื่องความเร็วในการพิมพ์งานสูงถึง 100 แผ่นต่อนาที (เฉพาะรุ่น WF-C20590) ด้วยเทคโนโลยีหัวพิมพ์ Precision Core ของ Epson พิมพ์งานได้เร็วโดยไม่ต้องสัมผัสเนื้อกระดาษ
การทดสอบโดย Keypoint Intelligence-Buyers Lab ยังพบว่า เครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ทสำหรับองค์กรใช้ชิ้นส่วนน้อยกว่าเครื่องพิมพ์แบบเลเซอร์ถึง 59% เมื่อเปรียบเทียบจากเครื่องพิมพ์เลเซอร์สีแบบมัลติฟังก์ชันในรุ่น 65-70 หน้าต่อนาที โดยการคำนวณอ้างอิงจากความถี่ในการเปลี่ยนและปริมาณของวัสดุสิ้นเปลือง รวมไปถึงชิ้นส่วนอะไหล่ที่ใช้ในการพิมพ์กระดาษ 1 ล้านแผ่น (รูปแบบการทดสอบ ISO/IEC 24712) ในระยะเวลา 5 ปี และเมื่อชิ้นส่วนน้อยลง กลไกการทำงานก็เรียบง่าย จึงลดความยุ่งยากในการดูแลซ่อมบำรุง ประหยัดค่าใช้จ่ายอะไหล่ ลดต้นทุนทางธุรกิจ
นอกจากประสิทธิภาพการทำงานที่ตอบโจทย์ความต้องการในทุกธุรกิจ ทั้งฟังก์ชันการทำงาน ความคุ้มค่า ความสะดวกสบาย ที่สำคัญยังเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอีกด้วย เห็นได้จากการนำ Heat-Free Technology มาใช้ในเครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ทสำหรับองค์กร ซึ่งเป็นเทคโนโลยีหัวพิมพ์ที่ไม่ใช้ความร้อนในการพ่นหมึกจากหัวพิมพ์ แต่ใช้แรงดันไฟฟ้า จึงช่วยลดการสึกหรอของหัวพิมพ์ และยังประหยัดเงินจากการใช้ไฟฟ้าที่น้อยลง ต่างจากหัวพิมพ์แบบใช้ความร้อนที่ต้องใช้เวลาเตรียมเครื่องก่อนพิมพ์ และพักเครื่องระหว่างพิมพ์ เพื่อระบายความร้อน
ในขณะเดียวกัน กระบวนการพิมพ์ของเครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ทสำหรับองค์กรจาก Epson จะลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้มากกว่าเครื่องพิมพ์แบบเลเซอร์ หากเทียบจากการทดสอบข้างต้นที่เครื่องพิมพ์แบบเลเซอร์ต้องใช้ต้นไม้ถึง 8 ต้นในการดูดซับก๊าซ CO2 แต่เครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ทสำหรับองค์กรจาก Epson ใช้ต้นไม้เพียงแค่ 1 ต้นในการดูดซับ
มองในแง่ของการสร้างสภาพแวดล้อมที่ดีภายในออฟฟิศ เครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ทสำหรับองค์กรของ Epson เลือกใช้หมึกพิมพ์ DURABrite Pro Ink เป็นหมึกพิมพ์กันน้ำ กันซีด พิมพ์บนวัสดุได้หลากหลายและปลอดภัยต่อสุขภาพมากกว่า หากเทียบกับเครื่องพิมพ์เลเซอร์ที่ใช้หมึกผง จึงเสี่ยงจะได้รับผลกระทบของฝุ่นละอองจากผงหมึก
การพัฒนาเทคโนโลยีเครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ทสำหรับองค์กรของ Epson ไม่เพียงแต่ต้องการเป็นทางเลือกที่ดีให้กับองค์กรอื่นๆ แต่ยังเป็นการดำเนินธุรกิจที่ตระหนักถึงความสำคัญของสิ่งแวดล้อม ตามแคมเปญ ‘The Ecological Choice’ การทำธุรกิจควบคู่ไปกับการอนุรักษ์ธรรมชาติ ตอบโจทย์ธุรกิจที่ต้องการลดต้นทุน แต่ยังคงประสิทธิภาพของงานที่ได้ และยังได้เป็นส่วนหนึ่งของการเป็นธุรกิจที่อนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนที่สหประชาชนได้ให้ไว้
Epson เล็งเห็นว่า เทคโนโลยีเครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ทสำหรับองค์กรจะช่วยลดการใช้พลังงานได้ตั้งแต่หน่วยเริ่มต้นคือ การใช้พลังงานไฟฟ้าในสำนักงานจะช่วยลดค่าไฟในแต่ละเดือน ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่เกิดจากการพิมพ์ ก็จะลดการเกิดมลพิษภายในสำนักงาน ลดการปล่อย CO2 ลดการเกิดฝุ่น PM2.5 และสุดท้ายคือ การลดปริมาณวัสดุสิ้นเปลืองและของเสียที่เกิดภายในสำนักงาน
บางครั้งการดำเนินธุรกิจที่ต้องคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมอาจเริ่มต้นได้ง่ายๆ เพียงแค่เริ่มต้นเลือกใช้อุปกรณ์สำนักงานที่ช่วยลดพลังงาน ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และลดปริมาณขยะอะไหล่
คำกล่าวที่ว่า โลกจะเป็นอย่างไรอยู่ที่ปลายนิ้วอาจจะเป็นเรื่องจริง อยู่ที่คุณว่าจะเลือกกดปุ่มปรินต์เอกสารผ่านเครื่องพิมพ์แบบไหน ถ้าคุณเลือกจะรักษ์โลก เราอยากให้คุณกดปุ่มสั่งพิมพ์ผ่านเครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ทสำหรับองค์กรของ Epson
อ้างอิง: