ถึงแม้ว่าอังกฤษและเบลเยียมจะจับมือกันเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายไปแล้วก่อนเกมในคืนนี้ (คืนวันที่ 28 มิ.ย. เวลา 01.00 น. ตามเวลาประเทศไทย) ก็ยังมีความหมายต่อทั้ง 2 ทีมไม่น้อย
ผลลัพธ์ของการแข่งขันจะตัดสินตารางอันดับของกรุ๊ป G โดยที่เวลาในการแข่งขันของกรุ๊ป H ที่เป็นคู่แข่งของทั้งคู่ในรอบ 16 ทีมสุดท้ายนั้นคือ 21.00 น. บ้านเรา
พูดง่ายๆ คือก่อนแข่ง ทั้ง 2 ทีมจะรู้ว่าผลการแข่งขันทำให้ตนเจอกับทีมชาติอะไรในนัดต่อไป ไม่นับว่าสายอื่นๆ รู้ผลหมดแล้ว
เมื่อมีเรื่องให้ลุ้นแบบนี้เกมในวันนี้ก็ถือว่าน่าสนุกทีเดียว
นอกเหนือไปจากนั้น นี่จะเป็นการเจอกับ ‘ทีมใหญ่’ ครั้งแรกในฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายครั้งนี้ของทั้งคู่อีกด้วย เรียกได้ว่าเป็นแมตช์วัดความพร้อมก่อนที่จะไปเจอเหล่าของจริงเสือสิงห์กระทิงแรดในรอบต่อไป
แม้ว่ามีหลายฝ่ายมองว่าชื่อชั้นนักเตะของทีมชาติเบลเยียมนั้นจะข่มอังกฤษอยู่หน่อยๆ แต่จากฟอร์ม 2 นัดที่ผ่านมาก็ได้เห็นกันแล้วว่าทีมพลังหนุ่มของสิงโตคำรามผลงานในสนามไม่เลวเลยทีเดียว
ทีมชาติอังกฤษในวันนี้แม้ไม่มีซูเปอร์สตาร์เต็มทีมแบบในฟุตบอลโลก 2006 พวกเขามีพลังงานล้นเหลือ มีแท็กติกที่ลงตัว มีทีเด็ดทีขาด และมีทีมเวิร์กหรือทีมสปิริตที่มากขึ้นกว่าทีมรวมดาวของพวกเขามาแทนที่
เมื่ออังกฤษมีลุ้นแบบนี้ แถมยังมีคนบอกว่าเป็นรอง THE STANDARD ขอวิเคราะห์หนทางที่ทีมขวัญใจมหาชนจะเอาชนะปีศาจแดงแห่งยุโรป เราเชื่อว่าต่อให้เบลเยียมจะแข็งแกร่งขนาดไหน หากมีปัจจัย 5 ข้อนี้เกิดขึ้น สิงโตหนุ่มก็มีลุ้นคว้าชัย
1. เบลเยียมจะพักนักเตะตัวหลัก
โรแบร์โต้ มาร์ติเนซ ให้สัมภาษณ์ว่า จะพักสองตัวอันตรายแดนหน้าอย่าง โรเมลู ลูกากู และ เอเดน อาซาร์ หลังจากทั้งคู่มีอาการบาดเจ็บเล็กน้อยในเกมกับทีมชาติตูนิเซีย ทำให้อังกฤษมีโอกาสจะลดความกดดันในเกมรับลงและคุมแดนกลางได้มากขึ้น
หากกุมความได้เปรียบกลางสนามได้ อังกฤษย่อมมีความหวังสูงขึ้น ดังที่แสดงให้เห็นในสองเกมก่อนหน้าว่า อังกฤษไม่ใช่ทีมที่จะบุกอย่างเดียวจนเสียรูปเกม แต่สามารถผ่อนเกมเพื่อรักษาการครองบอลและคุมจังหวะของตัวเองได้
อย่างไรก็ตามฝั่ง แกเร็ธ เซาธ์เกต เองให้สัมภาษณ์ว่า เกมนี้เขาต้องการผลงานที่ดี แต่ผู้จัดการหนุ่มอาจต้องพักนักเตะบ้างเช่นกัน ทีมอาจตัดสินใจดรอป ไคล์ วอล์กเกอร์ หรือ รูเบน ลอฟตัส-ชีก เนื่องจากความเสี่ยงในการโดนแบนนัดถัดไปหากทั้งคู่โดนใบเหลืองอีกครั้ง
จอร์แดน เฮนเดอร์สัน อาจถูกดรอปขณะที่ เอริค ไดเออร์ จะได้ลงเป็นตัวจริงปะทะกับ เควิน เดอ บรอยน์ มิดฟิลด์คนสำคัญของเบลเยียม เพื่อให้โอกาสไดเออร์ลงสนามบ้าง และ เดอ บรอยน์ จะเป็นปัญหาของอังกฤษแน่นอน
อย่างไรก็ตาม แฮร์รี เคน ศูนย์หน้ากัปตันทีมถูกมั่นหมายว่าจะเป็นตัวจริงเช่นเดิม ในข้อแรกอาจจะยังไม่เห็นภาพชัดเท่าไร แต่หากเกิดการดรอปลูกากูกับอาซาร์ขึ้นจริง ก็ถือเป็นปัจจัยหนึ่งที่อังกฤษจะสามารถอาชนะเบลเยียมได้
2. เบลเยียมใช่จะไร้จุดอ่อน
แท็กติกของเบลเยียมใน 2 นัดที่ผ่านมาคือ 3-4-2-1 และเมื่อทีมเป็นฝ่ายรับจะอยู่ในลักษณะ 5-3-2 โดยวิงแบ็กสองข้างจะถอยลงไปต่ำ โดยมี อักเซล วิตเซล ยืนค้ำแดนกลางเป็นหลัก สิ่งที่เกิดขึ้นคือพื้นที่แดนกลางนั้นมีช่องว่างในด้านข้างทั้งสองฝั่ง
ทำให้ตูนิเซียสามารถใช้พื้นที่นี้ขึ้นเกมได้จากแบ็กทั้งซ้ายและขวา นอกจากนั้นยังสามารถเปลี่ยนแกนสองฝั่งจากแดนหลังได้ง่ายอีกด้วย อังกฤษซึ่งมีกองหลังที่ออกบอลได้ดีอย่าง จอห์น สโตนส์, ไคล์ วอล์กเกอร์ และวิงแบ็กที่มีลูกเปิดอันตรายอย่างแอชลีย์ ยัง และ คีแรน ทริปเปียร์ สามารถใช้ข้อนี้สร้างความได้เปรียบให้ทีมได้
อีกอย่างที่สังเกตได้ในเกมกับตูนิเซียของเบลเยียมได้แก่ การยืนตำแหน่งของ ยานนิค คาร์ราสโก ฝั่งวิงแบ็กซ้ายนั้นยังมีจุดผิดพลาด หากคาร์ราสโกลงสนาม อังกฤษอาจใช้การโจมตีในจุดนี้เพื่อสร้างโอกาสหรือเพื่อกดดันให้เซ็นเตอร์แบ็กและกองกลางตัวรับขยับไปช่วย
นั่นหมายความว่าแถวสองของอังกฤษจะมีพื้นที่ทำการไม่ว่าจุดนั้นจะเป็นเฮนเดอร์สัน ไดเออร์ และที่ลืมไม่ได้คือ เจสซี ลินการ์ด ที่เพิ่งทำประตูสุดสวยได้ในนัดที่ผ่านมา
3. อาวุธลับของอังกฤษมีไม่น้อย
สิ่งหนึ่งที่ทีมชาติอังกฤษชุดนี้น่าสนใจคือ การมีตัวสำรองที่ทดแทนกันได้แล้วสามารถสร้างความแตกต่างให้เห็นอย่างที่นัดล่าสุดกับปานามา เซาธ์เกตตัดสินใจส่ง รูเบน ลอฟตัส-ชีก ลงสนามแทน เดเล อัลลี
ดาวรุ่งจากเชลซีไม่ทำให้ผิดหวัง เจ้าตัวนั้นแข็งแกร่งและไปกับบอลได้ดี วิ่งไปช่วยบีบเกมได้ทั้งสองฝั่ง สร้างปัญหาให้แนวรับปานามาอย่างร้ายกาจจนมีส่วนกับประตูที่ 3 ของแฮร์รี เคน
แต่เมื่อต้องเจอกับกองกลางที่มีความสามารถสูงของเบลเยียมแล้ว เซาธ์เกตสามารถตัดสินใจแก้เกมโดยการใช้อัลลี ซึ่งมีทักษะสูงและมีประสบการณ์มากกว่ามาบงการเกมแทนได้
คล้ายกับตำแหน่งของ ราฮีม สเตอร์ลิง มีตัวแทนที่มีทีเด็ดอย่าง มาร์คัส แรชฟอร์ด ผู้สามารถยิงประตูเหนือความคาดหมาย หรือแม้กระทั่ง เจมี วาร์ดี เรียกได้ว่าอังกฤษนั้นมีตัวเลือกให้ปรับแท็กติกในแต่ละเกมไม่น้อย
สำหรับทีเด็ดของฝั่งเบลเยียมในวันนี้คือการที่เราอาจจะได้เห็น มิชี บาตชูอายี และมูซา เดมเบเล ลงวาดลวดลายในสนามเช่นกัน
4. ลูกตั้งเตะ
ปฏิเสธไม่ได้ว่าการเตรียมตัวของอังกฤษครั้งนี้ทำให้พวกเขาเป็นหนึ่งในทีมที่เล่นลูกตั้งเตะดีที่สุดของทัวร์นาเมนต์ การมีผู้เล่นอย่าง คีแรน ทริปเปียร์, แอชลีย์ ยัง, แฮร์รี แม็กไกวร์ หรือ แฮร์รี เคน ทำให้พวกเขามีวิธีสลับการเข้าทำชั้นเยี่ยมมากมาย ที่เห็นชัดที่สุดคือประตูที่ 4 ของ จอห์น สโตนส์ กับปานามา
แทนที่จะโยนเข้าไปลุ้นจากตำแหน่งนั้นอย่างทั่วๆ ไป อังกฤษใช้สูตรลูกตั้งเตะอันควรค่าแก่ศึกษา เฮนเดอร์สันเล่นสั้นให้ทริปเปียร์ที่วิ่งเข้ามาหาช่องเปิดไปที่เสาไกล โดยมีแฮร์รี เคน เป็นตัวตั้งบอลย้อนกลับมาให้เป้าหมายคือสเตอร์ลิงยิงไปติดผู้รักษาประตูก่อนสโตนส์จะซ้ำเข้าไป
เบลเยียมไม่ใช่ทีมที่เล่นเกมรับกับลูกตั้งเตะได้ดีมากนัก พวกเขาเสียหนึ่งประตูจากเซตพีชให้กับตูนิเซีย อย่างไรก็ดีมาร์ติเนซรู้จักฟุตบอลอังกฤษเป็นอย่างดีและอาจเลือกใช้บริการ มารูยาน เฟลไลนี มาแก้ไขในจุดนี้ได้บ้าง
5. คิดไม่ออกบอกแฮร์รี เคน
100 เปอเซ็นต์คือสถิติการยิงประตูของเคนในการใช้โอกาสในฟุตบอลโลกที่รัสเซียสองเกมแรก ใช่แล้ว 5 ประตูจากโอกาส 5 ครั้ง ถึงแม้ศูนย์หน้าตัวความหวังจะไม่ได้มีส่วนร่วมกับเกมมากมาย แต่นี่คือกองหน้าสไตล์ Fox in the box ที่อังกฤษตามหามานาน
เคนแปลงร่างเป็นเครื่องผลิตประตูให้ทีมชาติอังกฤษ เมื่อเขายิงติดต่อกันในเกมทีมชาติมา 5 นัดรวด แถมการยิงติดกัน 2 นัดหลังในทีมชาตินี้ ทำให้เจ้าตัวกลายเป็นนักเตะอังกฤษคนแรกตั้งแต่ รอน ฟลาวเวอร์ส ปี 1962 ที่ยิงประตูในรอบแบ่งกลุ่มทั้ง 2 นัดแรกได้
ยิ่งเมื่อทำแฮตทริกได้สถิติยิ่งไปกันใหญ่ เคนช่วยให้อังกฤษยิงประตูมากกว่า 5 ลูกในฟุตบอลโลกหนึ่งเกมได้ครั้งแรก และเป็นนักเตะคนที่ 3 ของทีมชาติอังกฤษที่ทำแฮตทริกในฟุตบอลโลกได้ (คนแรกคือ เจฟฟ์ เฮิร์สท์ ในปี 1966 และต่อมาคือ แกรี ลินิเกอร์ ในปี 1986)
ถ้านั่นยังไม่พอ ผู้เล่นที่สามารถทำประตูได้ถึง 5 ลูกจากฟุตบอลโลกสองนัดแรกคนล่าสุด คือ ฌุสต์ ฟงแตน ซึ่งทำได้ในปี 1958 นั่นเลย ไม่แปลกใจว่าเคนที่ฟอร์มร้อนแรงขนาดนี้คือไพ่ตายที่ดีที่สุดของอังกฤษอย่างไม่ต้องสงสัย
แม้ว่าสถิติในการพบกันของอังกฤษและเบลเยียมนั้นอังกฤษจะมีสถิติดีกว่า แต่เบลเยียมชุดนี้เรียกได้ว่ายุคทองที่แข็งแกร่ง มีขุมกำลังชั้นดีมากมาย
หากปัจจัยอื่นๆ ที่กล่าวมายังไม่ได้ผล แล้วจะมีใครสักคนที่พาอังกฤษเอาชนะเบลเยียมได้ล่ะ ก็คนนั้นต้องเป็น แฮร์รี เคน นี่แหละ
อ้างอิง:
- www.squawka.com/en/news/13-incredible-stats-from-england-6-1-panama/1043760#UA75t2OcvRlmhOjI.97
- www.skysports.com/football/england-vs-belgium/preview/385210
- www.bbc.com/sport/football/44439312
- www.soccerpunter.com/soccer-statistics/World/World-Cup-2018-Russia/head_to_head_statistics/all/774_England/281_Belgium
- www.telegraph.co.uk/world-cup/2018/06/27/england-vs-belgium-world-cup-2018-time-kick-off-tomorrow-tv/