วันนี้ (14 พฤษภาคม) บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย ระบุว่า ไตรมาส 1 ปี 2563 นี้ ผลประกอบการหุ้นกลุ่มพลังงานและกลุ่มโรงกลั่น-ปิโตรเคมี (ที่ออกมาประมาณ 5 บริษัท) มีแนวโน้มอ่อนตัวลง และกำไรลดลงจนกลายเป็นขาดทุนสุทธิเป็นครั้งแรกในรอบ 5 ปี โดย 4 ใน 5 บริษัทมีผลประกอบการขาดทุนสุทธิ โดยผลประกอบการในกลุ่มต้นน้ำอย่าง บริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) (PTTEP) แม้มีกำไรสุทธิ แต่กำไรปรับลดลงตามผลกระทบราคาน้ำมันและปริมาณการขายก๊าซธรรมชาติจากอ่าวไทยที่ลดลง
ขณะที่กลุ่มโรงกลั่นและปิโตรเคมีในไตรมาส 1/63 ส่วนใหญ่ได้รับผลกระทบเชิงลบจากปัจจัยหลัก 3 อย่าง ได้แก่
- ราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลงอย่างมากตั้งแต่ช่วงเดือนมีนาคม หลังซาอุดีอาระเบียและรัสเซียไม่สามารถตกลงกันได้ในประเด็นโควตาการปรับลดการผลิต ซึ่งต่อมาก่อให้เกิดสงครามราคาน้ำมันจนราคาน้ำมันดิบดูไบได้มีการปรับลดจากค่าเฉลี่ย 61 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ในไตรมาส 4/62 มาปิดที่ 23 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2563
- ค่าเงินบาทที่อ่อนค่าจาก ณ สิ้นปี 2562 ที่ 30.1 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ มาอยู่ที่ 32.7 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ณ สิ้นไตรมาส 1/63
- การลดลงของอุปสงค์การใช้น้ำมันและปิโตรเคมีจากการแพร่ระบาดของโควิด-19
ทั้งนี้บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทยมองว่า ผลประกอบการที่อ่อนแอของหุ้นโรงกลั่นและปิโตรเคมีในไตรมาสนี้จะเป็นจุดต่ำสุดของปี และจะฟื้นตัวขึ้นในไตรมาส 2/63 รวมถึงช่วงครึ่งปีหลังปีนี้ ส่วนหนึ่งเพราะคาดการณ์ว่าราคาน้ำมันที่จะทยอยฟื้นตัวขึ้นสู่ระดับ 40 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลในช่วงปลายปี 2563 หลังจากทางซาอุดีอาระเบียและรัสเซียได้ตัดสินใจยุติสงครามราคาน้ำมันและร่วมมือกันลดกำลังการผลิตน้ำมันลงกว่า 9.7 ล้านบาร์เรลต่อวัน (นับจาก 1 พฤษภาคม เป็นต้นไป)
นอกจากนี้ยังมีปัจจัยบวก โดยคาดหวังว่าหลายประเทศจะผ่อนคลายมาตรการปิดประเทศหลังจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ใหม่เริ่มทรงตัว โดยจะช่วยกระตุ้นให้อุปสงค์การใช้น้ำมันกลับเพิ่มสูงขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง
อย่างไรก็ตาม ผลกำไรปกติของหุ้นในกลุ่มต้นน้ำอย่าง PTTEP อาจลดลงในช่วงครึ่งปีหลังปี 2563 จากการที่ราคาก๊าซธรรมชาติมีการปรับตัวลดลงตามราคาน้ำมันดิบในช่วงก่อนหน้า โดยคาดว่าไม่ปรับตัวลดลงมากนัก เพราะมีปริมาณการขายที่สูงขึ้นประมาณ 7% จากการเริ่มดำเนินการผลิตเชิงพาณิชย์ของโครงการ Saba-H ในประเทศมาเลเซีย
ทั้งนี้เมื่อราคาหุ้นในกลุ่มโรงกลั่นและปิโตรเคมีที่ปรับลดลงมาก่อนหน้านี้ ถือว่าสะท้อนผลประกอบการไตรมาส 1/63 ที่อ่อนแอลงไปแล้ว ดังนั้นจึงเห็นราคาหุ้นปรับตัวขึ้นมาในช่วงที่ผ่านมา เพื่อเก็งกำไรในแง่การฟื้นตัวของผลประกอบการในไตรมาส 2/63 และครึ่งปีหลังของปีนี้
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า
ห้ามพลาด! ฟอรัมที่เจาะลึก New Normal ที่ใหญ่ที่สุดในเมืองไทย จากวิทยากรระดับประเทศ 40 คน ซื้อบัตรงาน THE STANDARD ECONOMIC FORUM ที่ https://www.eventpop.me/e/8705-economic-forum