นอกจากกรุงเทพมหานครที่กำลังต่อสู้กับปัญหามลพิษทางอากาศครั้งรุนแรงแล้ว เกาหลีใต้ก็กำลังเผชิญวิกฤตหมอกพิษที่รุนแรงไม่แพ้กัน โดยเมื่อวานนี้ (14 ม.ค.) ระดับฝุ่นขนาดเล็ก (ไม่เกิน 2.5 ไมครอน หรือ PM2.5) ในหลายพื้นที่ของกรุงโซลพุ่งไปถึง 189 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ณ เวลา 14.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น ขณะที่กระทรวงสิ่งแวดล้อมและเทศบาลของเกาหลีใต้ได้ดำเนินมาตรการฉุกเฉินเพื่อแก้ปัญหามลพิษในอากาศเป็นวันที่ 2 ติดต่อกัน
Air Korea หน่วยงานตรวจวัดคุณภาพอากาศแห่งชาติของเกาหลีใต้ ระบุว่าเมื่อวานนี้ปริมาณฝุ่นขนาดเล็กมาก (Ultrafine Particle) ในกรุงโซลพุ่งแตะระดับ 146 ไมโครกรัม ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่องค์การอนามัยโลกกำหนดไว้ที่เฉลี่ย 25 ไมโครกรัมต่อวันถึงเกือบ 6 เท่า
นอกจากกรุงโซลซึ่งเป็นเมืองหลวงแล้ว ในหลายจังหวัดก็เผชิญกับมลพิษทางอากาศในระดับที่น่าวิตก โดยจังหวัดคยองกีวัดปริมาณฝุ่น PM2.5 ได้ถึง 191 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ขณะที่จังหวัดชุงชองเหนือวัดได้ 160 ไมโครกรัม ส่วนเมืองเซจงและอินชอนวัดได้สูงถึง 174 ไมโครกรัม
สำหรับมาตรการฉุกเฉินที่ทางการประกาศเมื่อวานนี้มีผลบังคับใช้กับ 10 เมืองและจังหวัด ครอบคลุมตั้งแต่กรุงโซล, ปูซาน, แทจอน, เซจง, กวางจู ไปจนถึงจังหวัดชุงชองเหนือและใต้ โดยโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนในพื้นที่เหล่านี้ต้องลดกำลังการผลิตลง 80% ขณะที่รถยนต์ดีเซลเก่าที่จดทะเบียนในกรุงโซลก่อนปี 2005 ถูกห้ามไม่ให้ใช้ถนนในเมืองหลวงชั่วคราว
อีกหนึ่งมาตรการที่น่าสนใจซึ่งหลายประเทศรวมถึงไทยสามารถนำมาใช้ได้ก็คือ รัฐบาลเกาหลีใต้ได้สั่งปิดที่จอดรถของหน่วยงานรัฐจำนวน 430 แห่งในกรุงโซล เพื่อทำให้คนขับรถเข้าเมืองน้อยลงและหันไปใช้ระบบขนส่งสาธารณะแทน ส่วนรถยนต์ของเจ้าหน้าที่รัฐครึ่งหนึ่งก็ถูกแบนห้ามใช้ถนนด้วย
นอกจากนี้รัฐบาลยังขอให้ประชาชนสวมใส่หน้ากากป้องกันฝุ่นละออง และงดกิจกรรมกลางแจ้งตั้งแต่เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา
สำหรับมาตรการต่อสู้กับมลพิษทางอากาศที่รัฐบาลประกาศใช้เมื่อวานนี้ถือเป็นครั้งที่ 3 แล้ว หลังเคยประกาศใช้ในเดือนมกราคมและมีนาคมปีที่แล้ว
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์
อ้างอิง: