เอาแต่ใจไม่เปลี่ยนจริงๆ สำหรับ ‘อีลอน มัสก์’ ที่ได้ออกคำสั่งให้วิศวกร Twitter ทำให้โพสต์ของเขามีคนเห็นมากขึ้นอย่าง ‘เร่งด่วน’ หลังทวีตเรื่อง Super Bowl ของเขามีส่วนร่วมน้อยกว่าของประธานาธิบดีไบเดน ถึงขั้นขู่ว่าหากทำไม่ได้จะถูกไล่ออก
ทวีตของไบเดนซึ่งเขาบอกว่าเขาจะสนับสนุนภรรยาของเขาในการเชียร์ทีมฟิลาเดลเฟีย อีเกิลส์ สร้างอิมเพรสชันเกือบ 29 ล้านครั้ง ขณะที่มัสก์ซึ่งเคยทวีตสนับสนุนทีมอีเกิลส์ได้สร้างอิมเพรสชันมากกว่า 9.1 ล้านครั้ง ก่อนที่จะลบทวีตดังกล่าวด้วยความไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- หรือออฟฟิศจะร้าง? สื่อดังเผย Twitter เหลือจำนวนวิศวกรดูแลระบบไม่ถึง 550 คน ขณะที่ทั้งบริษัทเหลือพนักงานแค่ 1,300 คน จาก 7,500 คนปีก่อน
- ตลบหลังเพื่อน ดูดหัวกะทิจากคู่แข่ง ปากแจ๋วไม่เลิก ตกลงแล้ว ‘อีลอน มัสก์’ เก่งจริงหรือสร้างภาพ?
- ‘ไม่มีความเป็นผู้นำ-อีโก้สูง-ไล่ใครก็ได้ออกตามอำเภอใจ’ เสียงสะท้อนของพนักงาน Tesla ถึง ‘อีลอน มัสก์’
เว็บไซต์ Platformer รายงานว่า มัสก์ถึงกับบินด่วนไปยังเบย์แอเรียในคืนวันอาทิตย์ (12 กุมภาพันธ์) เพื่อติดตามเรื่องนี้ด้วยตนเอง ผลคือในเช้าวันถัดมาผู้ใช้ Twitter เปิดแอปและพบว่าโพสต์ของมัสก์ได้ท่วมท้นไทม์ไลน์ของพวกเขา
นี่ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ เพราะมัสก์ขู่จะไล่วิศวกรที่เหลือออกหากไม่แก้ปัญหานี้ให้เขา ทำให้เหล่าวิศวกรต้องสร้างระบบที่จะแน่ใจว่า มัสก์เพียงคนเดียวที่จะได้รับประโยชน์จากการโปรโมตทวีตของเขาไปยังฐานผู้ใช้ทั้งหมดอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
ในช่วงดึกของวันอาทิตย์ มัสก์ได้คุยกับทีมแบบตัวต่อตัว มีพนักงานกว่า 80 คนที่ต้องมาทำงานซึ่งกลายเป็นความสำคัญอันดับหนึ่ง พวกเขาทำงานตลอดทั้งคืนเพื่อสำรวจสมมติฐานต่างๆ ว่าทำไมทวีตของมัสก์ถึงไม่เข้าถึงผู้คนมากเท่าที่เขาคิดว่าควรจะเป็น และทดสอบวิธีแก้ปัญหาที่เป็นไปได้
ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมามัสก์หมกมุ่นอยู่กับจำนวนการมีส่วนร่วมกับโพสต์ที่เขาได้รับ เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว Platformer ได้แจ้งข่าวว่าเขาไล่วิศวกรหลัก 1 ใน 2 คนออกจากบริษัท หลังจากวิศวกรบอกเขาว่ายอดดูทวีตของเขาลดลงส่วนหนึ่งเป็นเพราะความสนใจในตัวมัสก์ลดลง
อย่างไรก็ตามหลังการแก้ปัญหาที่ (มัสก์คิดไปเองว่า) เร่งด่วน จากประเมินภายในของ Twitter พบว่า ผู้ติดตามของมัสก์กว่า 90 เปอร์เซ็นต์เห็นทวีตของเขาแล้ว
“เขาซื้อบริษัท นำเสนอสิ่งที่เขาเชื่อว่าถูกทำลายและถูกจัดการภายใต้การบริหารของผู้บริหารคนก่อน จากนั้นหันกลับมาและจัดการแพลตฟอร์มเพื่อบังคับให้ผู้ใช้ทุกคนมีส่วนร่วมเพื่อฟังแต่เสียงของเขา” พนักงาน Twitter รายหนึ่งกล่าว “ฉันคิดว่าเราเลยจุดที่เชื่อว่าเขาต้องการสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับทุกคนที่นี่จริงๆ”
ภาพ: Illustration by Jonathan Raa/NurPhoto via Getty Images
อ้างอิง: