×

‘อีลอน มัสก์’ พ่อมดการตลาด! ไม่ต้องเปิดโหวตในทวิตเตอร์ก็ได้ เพราะอย่างไรก็ต้องขายหุ้นนำเงินสดมาจ่าย ‘ภาษี’ จำนวนกว่า 4.9 แสนล้านบาทอยู่แล้ว

08.11.2021
  • LOADING...
Elon Musk

เป็นที่ฮือฮาอย่างมากหลังจาก อีลอน มัสก์ ถามผู้ติดตาม 62.7 ล้านคนในทวิตเตอร์ของเขาว่าควรขายหุ้น Tesla 10% ของทั้งหมดที่ถืออยู่หรือไม่ พร้อมกล่าวว่า “เมื่อเร็วๆ นี้ มีประเด็นเรื่องที่ว่ากำไรที่ยังไม่เกิดขึ้นจากการขายหุ้น ถูกมองว่าเป็นวิธีในการหลีกเลี่ยงภาษี ดังนั้นผมจึงจะขายหุ้น Tesla 10% ของผม” เขาทวีต โดยผลจากการโหวตออกมาว่าผู้ติดตามถึง 58% โหวตให้มัสก์ขายหุ้น 

 

มัสก์กล่าวว่าเขาจะทำตามผลการโหวตนี้ ทั้งนี้ไม่ว่าผลการโหวตจะออกมาเป็นอย่างไร มัสก์ก็น่าจะขายหุ้นหลายล้านหุ้นอยู่แล้วในไตรมาสนี้ จากเหตุผลที่ว่าเขากำลังจะโดนเรียกเก็บภาษีในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า เป็นจำนวนมากกว่า 1.5 หมื่นล้านดอลลาร์ หรือกว่า 4.9 แสนล้านบาท

 

เดิมทีมัสก์เลือกรับเป็นออปชันหุ้นแทนเงินเดือนและโบนัสตั้งแต่ปี 2012 แล้ว โดยเขาจะไม่ได้รับเงินเดือนและโบนัสที่เป็นเงินสด ทำให้ความมั่งคั่งของเขามาจากราคาหุ้นของ Tesla ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง 

 

โดยในปี 2012 เขาได้รับออปชัน 22.8 ล้านออปชันแทนเงินเดือน ในราคาใช้สิทธิ์ที่ 6.24 ดอลลาร์ต่อหุ้น ซึ่งในวันที่ 5 พฤศจิกายน หุ้นของ Tesla ปิดที่ราคา 1,222.09 ดอลลาร์ ซึ่งหมายความว่าเขาได้ผลตอบแทนทั้งหมดจากออปชันที่เขาถือประมาณเกือบ 2.8 หมื่นล้านดอลลาร์ หรือเกือบ 1 ล้านล้านบาท

 

นอกจากนั้น Tesla ได้เปิดเผยออกมาเมื่อเร็วๆ นี้ว่า มัสก์ได้กู้ยืมเงินโดยใช้หุ้นของเขาเป็นหลักประกัน เพื่อนำเงินสดมาใช้ในชีวิตประจำวัน ซึ่งมัสก์อาจต้องการชำระคืนเงินกู้บางส่วนที่ได้กู้มา

 

ตามที่ Tesla ระบุไว้ในการยื่นเอกสาร 10-Q ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐฯ ไปเมื่อไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ ซึ่งระบุว่า “หากราคาหุ้นสามัญของ Tesla ลดลงอย่างรุนแรง มัสก์อาจถูกบังคับให้ขายหุ้นโดยสถาบันการธนาคารอย่างน้อยหนึ่งแห่ง เพื่อนำเงินมาชำระหนี้ หากมัสก์ไม่สามารถหาเงินมาชำระหนี้ได้ด้วยวิธีอื่น ซึ่งการขายหุ้นในลักษณะนี้อาจทำให้ราคาหุ้น Tesla ลดลงไปอีกอย่างหนัก”

 

รวมถึงออปชันที่มัสก์ถือจะหมดอายุในเดือนสิงหาคมปีหน้า ซึ่งการที่จะใช้สิทธิ์ออปชันนั้น มัสก์จะต้องจ่ายภาษีเงินได้จากกำไรที่ได้รับ โดยออปชันดังกล่าวจะถูกเก็บภาษีที่ระดับรายได้ปกติสูงสุดหรือ 37% บวกภาษีการลงทุนสุทธิ 3.8% นอกจากนี้เขายังต้องจ่ายอัตราภาษีสูงสุด 13.3% ในแคลิฟอร์เนีย 

 

เนื่องจากออปชันดังกล่าวส่วนใหญ่เขาได้รับในขณะที่เขาเป็นผู้มีถิ่นที่อยู่ภาษีในแคลิฟอร์เนีย เมื่อบวกกันทั้งหมดแล้ว อัตราภาษีของรัฐและรัฐบาลกลางจะอยู่ที่ 54.1% ดังนั้นภาษีจากออปชันของเขาที่จะถูกเรียกเก็บทั้งหมด ณ ราคาปัจจุบัน จะอยู่ที่ 1.5 หมื่นล้านดอลลาร์ หรือ 4.9 แสนล้านบาท

 

มัสก์ไม่ได้ยืนยันว่าเขาถูกเรียกเก็บภาษีเป็นจำนวนเท่าไร แต่เขาทวีตว่า “หมายเหตุ ผมไม่รับเงินเดือนเงินสดหรือโบนัส ผมมีหุ้นเท่านั้น ดังนั้นวิธีเดียวที่ผมจะจ่ายภาษีก็คือการขายหุ้น”

 

เนื่องจากการเป็นซีอีโอทำให้ขายให้หุ้นได้อย่างจำกัด และมัสก์น่าจะต้องการทำให้ยอดขายลดลงอย่างน้อย 2 ไตรมาส โดยนักวิเคราะห์และผู้เชี่ยวชาญด้านภาษีคาดว่ามัสก์น่าจะเริ่มขายหุ้นในไตรมาสที่ 4 ของปี 2021

 

ในการปรากฏตัวในการประชุม Code Conference ในเดือนกันยายน มัสก์กล่าวว่า “ผมมีออปชันมากมายที่จะหมดอายุในต้นปีหน้า ดังนั้นออปชันจำนวนมากจะถูกขายไปในไตรมาสที่ 4 ผมต้องขายออกไป มิฉะนั้นมันจะหมดอายุ”

 

แน่นอนว่ามัสก์สามารถกู้เงินโดยใช้หุ้นของ Tesla ค้ำประกันได้ ซึ่งขณะนี้หุ้น Tesla มีมูลค่ารวมกว่า 2 แสนล้านดอลลาร์ หรือ 6.6 ล้านล้านบาท ซึ่งเขาได้นำหุ้นจำนวน 92 ล้านหุ้น ไปค้ำประกันเพื่อกู้เงินสดออกมาแล้ว และเมื่อถูกถามในการประชุม Code Conference เกี่ยวกับการกู้ยืมเงิน และหุ้นที่มีความผันผวน เขากล่าวว่า “หุ้นไม่ได้ขึ้นเสมอไป หุ้นก็ลงด้วย”

 

มัสก์ยังคงมีออปชันมากมาย นอกเหนือจากที่ได้รับเป็นค่าแรงในการทำงานใน Tesla เมื่อปี 2012 โดยในเดือนมีนาคม 2018 คณะกรรมการบริหารของ Tesla ได้มอบรางวัล ‘CEO Performance Award’ ให้กับเขา โดยให้รางวัลเป็นออปชันหุ้นถึง 101.3 ล้านออปชันอีกด้วย

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

 

อ้างอิง:

 


 

ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH


Twitter: twitter.com/standard_wealth
Instagram: instagram.com/thestandardwealth
Official Line: https://lin.ee/xfPbXUP

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising