จบลงอย่างยิ่งใหญ่และสวยงามกับแฟชั่นโชว์แห่งปี ที่ขนแบรนด์ไทยกว่า 14 โชว์ 21 ดีไซเนอร์ มาร่วมแสดงบนรันเวย์ในงาน ELLE Fashion Week Fall/Winter 2017 ระหว่างวันที่ 30 สิงหาคม ถึง 3 กันยายน แต่ละแบรนด์ต่างงัดไม้เด็ดโชว์พลังอย่างไม่ยอมแพ้กัน อาทิ Asava, ASV, Everyday Karmakamet, Hook’s, Kloset, LANDMEÉ, Painkiller, Theatre, Tube Gallery, Vatanika, Vatit Itthi, Vickteerut Presented by Federbräu รวมถึงโชว์จากดีไซเนอร์คลื่นลูกใหม่ อย่าง Pitchana, Kanapot Aunsorn, SARRAN และดีไซเนอร์หน้าใหม่จากโครงการ ‘Thai Designers Beyond Boundaries’ โดยกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ ได้แก่ CHAT, Jittrakarn, La Orr, Paul Direk, Navy และ Q Design and Play มีทั้งโชว์ที่แซ่บถึงใจ สตรีทเท่ๆ หวานใส หรือจะเป็นความซาบซึ้งกินใจเกินจะบรรยาย เรียกว่าเป็นอีกหนึ่งงานที่คนแฟชั่นรอคอยด้วยความตื่นเต้น
Theatre
เปิดตัวด้วยโชว์แรกอย่างแบรนด์ดัง Theatre ที่อยู่คู่คนไทยมานาน หลังจากที่ห่างหายจากรันเวย์ไป 2 ปี การกลับมาครั้งนี้บอกเลยว่าไม่ทำให้แฟนๆ ผิดหวัง
สวยงามสมการรอคอย Theatre ยังคงการผสมผสานวัสดุที่แตกต่างเข้าด้วยกัน การใช้เทคนิคงานคราฟต์จากหลากหลายวัฒนธรรม เทคโนโลยีการทอ และการตัดเย็บที่ทันสมัย รวมถึงโครงเสื้อหลากหลาย ตั้งแต่เสื้อที่มีความเข้าถึงง่ายอย่างสตรีทแวร์ จนถึงงานรายละเอียดที่ประณีตระดับกูตูร์
Painkiller
เท่และดูดี ยังคงเป็นคำนิยมที่ถูกต้องของ Painkiller ในครั้งนี้เป็นคอลเล็กชันเสื้อผ้าผู้ชายที่มีความลงตัวสุดๆ การันตีด้วยผลงาน 9 ปีที่ผ่านมาของแบรนด์
คอลเล็กชันนี้เล่าถึงการก่อร่างสร้างตัว และลุกขึ้นสู้ใหม่หลังเรื่องร้ายๆ เพื่อเป็นแรงบันดาลใจและกำลังใจให้ผู้คนเดินหน้าต่อไป เราจะเห็นเทคนิคที่แบรนด์ไม่เคยใช้มาก่อน อย่างการนำเสื้อผ้าเก่ามาทำเป็นชิ้นใหม่ และดีที่สุดคือการนำผ้าไทยมาใช้เกินครึ่งในการสร้างคอลเล็กชัน และมีดีเทลการ์ดที่บอกถึงที่มาที่ไปของผ้าแต่ละชิ้นที่นำมาใช้ อีกทั้งยังมีการใช้เทคนิคปักและชุน เพื่อสื่อถึงการซ่อมแซมตัวเอง
Everyday Karmakamet
ปรบมือให้น้องใหม่มาแรงอย่างแบรนด์ Everyday Karmakamet กันหน่อย แบรนด์นี้เขาไม่ได้มีดีแค่เครื่องหอมและคาเฟ่ แต่มีความสามารถรอบด้านจริงๆ เสื้อผ้าที่ออกมาเป็นงานสตรีทแวร์ที่ดูเท่ ดูสนุก มีการมิกซ์แอนด์แมตช์ได้อย่างลงตัว
การผสมผสานเสื้อผ้าบางชิ้นที่ดูจริงจัง บวกความสปอร์ตแวร์เข้ากับเสื้อผ้าทรงดูสบายๆ ได้อย่างลงตัว ถือเป็นแบรนด์น้องใหม่ที่น่าจับตามองและน่าจับจ่ายมาเป็นเจ้าของ เพราะสร้างคอลเล็กชันได้ดีขนาดนี้ ไม่แปลกใจว่าทำไมคนแฟชั่นยังคงพูดถึงโชว์นี้กันไม่หยุด
Q Design and Play
เป็นแบรนด์สตรีทแวร์ที่ทำโชว์ออกมาได้สนุกทุกครั้ง ครั้งนี้ยังคงเสียดสีการทำชุดที่มีความเนี้ยบอย่าง Tailor-Made โดยนำเอาผ้าสูทและการตัดเย็บมาตัดต่อพลิกตะเข็บ โชว์ดีเทลด้านใน และการนำเสื้อยืดวินเทจมาทำเป็นซับใน
การหยิบใช้เนกไทวินเทจมาเป็นส่วนประกอบของเสื้อผ้าให้ดูร่วมสมัย และหยิบสัญลักษณ์ต่างๆ ของงาน Tailor-Made มาโชว์กันโต้งๆ เหมือนเป็นการป่าวประกาศถึงคุณภาพให้เห็นได้อย่างไม่เคอะเขิน
ความสนุกสนานในแบบ Q Design and Play ก็ยังคงความแตกต่าง ด้วยการเอาสูทโอเวอร์ไซส์ยุค 80 มาปรับใช้ให้เข้ากับปัจจุบัน ถือว่าเป็นการนำหลายๆ อย่างเข้ามารวมกันได้เป็นอย่างดี ตอบโจทย์ของแฟนๆ แบรนด์ Q Design and Play ได้อย่างแน่นอน
Asava
สวย สง่า มีแอตติจูดที่ดี คู่ควรกับการเป็นโชว์จากแบรนด์ Asava ที่ดึงเอาความสวยสง่าของผู้หญิงออกมาได้อย่างสมบูรณ์แบบ ทั้งโครงสร้างของชุด นางแบบที่เราคุ้นเคยในความเป็นสาว Asava จริงๆ
ภายในโชว์มีการเซตรันเวย์ด้วยกล่องกระจก ตกแต่งตัวไม้ดอกและใบเขียวสวยงามดูสดชื่น นางแบบเดินโชว์ในชุดผ้าซาตินพลิ้วไหว มันทำให้หลงคิดในใจไม่ได้ว่า ถ้าเราได้จับชุดนั้นคงจะนุ่มและรู้สึกดีขนาดไหน
Hook’s
นับเป็นโชว์ที่ดีที่สุด ประทับใจที่สุด กับคอลเล็กชัน Ayara in ๙ ในการนำเรื่องราวความอาลัยรัก เกี่ยวกับพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ด้วยการนำความรู้สึกดีๆ มาส่งผ่านคอลเล็กชันเสื้อผ้าในยุคสมัยต่างๆ สอดแทรกด้วยพระราชดำรัสของพระองค์ พระราชกรณียกิจที่สำคัญ ความรักของพระองค์ท่าน และพระปรีชาสามารถในงานศิลปะหลายๆ แขนง จวบจนถึงวันที่พระองค์ท่านสวรรคต
โชว์ร้อยเรื่องราวผ่านเสื้อผ้าภายใต้สารที่อยากส่งต่อว่า คนเราทุกคนสามารถเป็นช้างเผือกคู่บารมีของพระองค์ท่านได้ เพียงแต่ตั้งใจทำอาชีพของเราให้ดีที่สุด เป็นคนดี ประพฤติดี ดูแลคนที่รัก เป็นพลเมืองที่ดี และเป็นลูกที่ดีของพ่อ
เมื่อจบโชว์ คนดูต่างลุกยืนขึ้นปรบมือให้อย่างกึกก้องด้วยความปิติและความภาคภูมิใจ
Vickteerut Presented by Federbräu
เป็นโชว์ปิดท้ายที่ไม่ใช่เพราะแค่ดี…แต่ต้องดีที่สุด นี่คือคอลเล็กชันจาก Vickteerut ที่รังสรรค์ผลงานสวยงาม โดยการใช้ซิลูเอตชุดที่ดูเป็นผู้หญิงเท่ เนี้ยบ แต่หยอดความสนุกสนานด้วยการใช้สีตัดกันอย่างสิ้นเชิง อย่างดำกับเหลือง น้ำเงินกับแดง ทำให้เป็นคอลเล็กชันที่สนุกสนานและมีความเป็นไลฟ์สไตล์มากขึ้น
ครั้งนี้ Vickteerut ได้สร้างผลงานด้วยแนวคิด Passion für Perfektion ร่วมกับ Federbräu โดยมุ่งมั่นเป็นตัวแทนของคนที่มีพลังสร้างสรรค์ พร้อมมอบสิ่งที่ท้าทายสู่สายตาวงการแฟชั่นระดับโลกอีกด้วย
เมื่อทุกโชว์จบลงเมื่อค่ำคืนวันอาทิตย์ที่ผ่านมา เป็นอีกครั้งที่บอกได้ว่าคนไทยมีความสามารถไม่แพ้ชาติใดในโลก THE STANDARD ขอเป็นกำลังใจและอีกหนึ่งแรงผลักดันให้ไทยดีไซเนอร์มุ่งมั่นพัฒนาคอลเล็กชันดีๆ ออกมาให้ได้ชม แล้วพบกันใหม่ในซีซันหน้า