วันนี้ (25 กันยายน) การแข่งขันเบอร์ลิน มาราธอน 2022 ที่กรุงเบอร์ลิน เมืองหลวงของประเทศเยอรมนี โดยไฮไลต์ของการแข่งขันอยู่ที่ เอเลียด คิปโชเก เจ้าของสถิติโลกระยะมาราธอนคนปัจจุบันวัย 37 ปี ด้วยเวลา 2.01.39 ชั่วโมง ที่ตั้งเป้าทำลายสถิติที่ดีที่สุดของตัวเองในสนามแห่งนี้ และ กูเย อโดลา นักวิ่งจากเอธิโอเปียวัย 31 ปี แชมป์เก่าเมื่อปี 2021
ผ่านช่วง 5 กิโลเมตรแรก คิปโชเกวิ่งผ่านด้วยเวลา 14.14 นาที ด้วยเพซประมาณ 2.51 นาทีต่อกิโลเมตร ซึ่งเร็วกว่า 5 กิโลเมตรในการแข่งขันเบอร์ลินมาราธอนปี 2018 ที่เขาทำลายสถิติโลกอยู่ 10 วินาที ตามติดมาด้วย กูเย อโดลา ที่วิ่งเกาะกลุ่มผู้นำมาตั้งแต่ออกสตาร์ท
คิปโชเกผ่านกิโลเมตรที่ 10 ที่เวลา 28.23 นาที เร่งสปีดขึ้นไปเป็นเพซ 2.50 นาทีต่อกิโลเมตร และเร็วกว่า 10 กิโลเมตรแรกของปี 2018 อยู่ 38 วินาที ทิ้งห่างอโดลาที่ตกไปอยู่อันดับที่ 3
กิโลเมตรที่ 15 คิปโชเกยังคงสปีดเดิม ทำเวลาได้ 42.33 นาที อยู่ในเส้นทางทำลายสถิติโลก และมีโอกาสที่จะทำลายกำแพงมาราธอนภายในเวลาต่ำกว่า 2 ชั่วโมง หรือ Full Marathon Sub 2 ในสนามแข่งขันมาตรฐานเป็นครั้งแรก
กิโลเมตรที่ 20 คิปโชเกคงความเร็วผ่านระยะ 20 กิโลเมตรไปด้วยเวลา 56.45 นาที ซึ่งเร็วว่า 20 กิโลเมตรแรกในรายการ INEOS 1:59 Challenge ที่เขาทำลายกำแพงมาราธอนภายในเวลา 2 ชั่วโมงอยู่ 0.02 วินาที
ผ่านครึ่งทาง คิปโชเกทำเวลาได้ 59.51 นาที ซึ่งนับเป็นสถิติโลกของ Half Marathon Split ในมาราธอนเรียบร้อยแล้ว
หลังจากนั้น นักวิ่งเพซเซอร์จะเริ่มออกจากแถวหน้า จนกิโลเมตรที่ 25 ความเร็วของคิปโชเกช้าลง ทำให้โอกาสการทำ Sub 2 ดูเป็นไปได้ยากขึ้น แต่ยังคงอยู่ในเส้นทางทำลายสถิติโลก
กิโลเมตรที่ 30 คิปโชเกทำเวลาได้ 1.25.40 ชั่วโมง หลุดจากเส้นทางการทำ Sub 2 แต่ยังคงอยู่ในเส้นทางทำลายสถิติโลก
กิโลเมตรที่ 35 โอกาสการทำลายกำแพง Sub 2 ค่อนข้างจะหมดลงอย่างเป็นทางการแล้ว ด้วยเวลา 01.40.10 ชั่วโมง
กิโลเมตรที่ 40 คิปโชเกทำเวลาได้ 1.54.53 ชั่วโมง แต่เพซเริ่มตกไปเป็น 3.11 แต่ยังมีลุ้นทำลายสถิติโลก
สุดท้าย คิปโชเกวิ่งเข้าเส้นชัยด้วยเวลา 2.01.09 ชั่วโมง ทำลายสถิติโลกได้สำเร็จ (อย่างไม่เป็นทางการ)
สำหรับ เอเลียด คิปโชเก นักวิ่งปอดเหล็ก เจ้าของเหรียญทองโอลิมปิก 2 สมัย ยังเป็นคนที่เข้าร่วมสร้างประวัติศาสตร์กับ INEOS 1:59 Challenge เมื่อปี 2019 ในการทำลายกำแพงวิ่งมาราธอนระยะ 42.195 กิโลเมตรให้จบภายในเวลาต่ำกว่า 2 ชั่วโมง ซึ่งคิปโชเกทำได้สำเร็จด้วยเวลา 1.59.40 ชั่วโมง แต่สถิตินี้จะไม่ถูกบันทึกเป็นสถิติโลก เนื่องจากมีการใช้เพซเซอร์วิ่งสลับเข้าสนามมาช่วยระหว่างการทำสถิติ
ภาพ: NN Running Team.