หมายเหตุ: บทความนี้มีการเปิดเผยเนื้อหาบางส่วนของภาพยนตร์ Elio
Elio ภาพยนตร์แอนิเมชันผจญภัยจาก Disney และ Pixar ภายใต้การดูแลของสามผู้กำกับที่เคยสร้างความประทับใจแก่ผู้ชมมาแล้ว นำโดย Adrian Molina มือเขียนบทและผู้กำกับร่วมจาก Coco (2017), Madeline Sharafian จากแอนิเมชันสั้นดีกรีเข้าชิงรางวัลออสการ์ Burrow (2020) และ Domee Shi เจ้าของรางออสการ์สาขาแอนิเมชันสั้นเรื่อง Bao (2018) ก่อนจะก้าวขึ้นมาเป็นผู้กำกับภาพยนตร์แอนิเมชันเต็มตัวใน Turning Red (2022)
Elio พาผู้ชมออกผจญภัยสู่อวกาศเหนือจินตนาการไปกับ Elio (Yonas Kibreab) เด็กหนุ่มผู้สูญเสียพ่อและแม่ไปอย่างกะทันหัน เขาจึงต้องย้ายมาอาศัยอยู่กับน้าสาว Olga (Zoe Saldaña) ผู้พันแห่งกองทัพอากาศที่คอยดูแลเรื่องการโคจรของขยะอวกาศ ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นให้ Elio เริ่มหลงใหลในอวกาศและใฝ่ฝันที่อยากเจอกับเอเลี่ยนต่างดาว
แต่แล้วความฝันของ Elio ก็กลายเป็นจริง เมื่อจู่ๆ เหล่าเอเลี่ยนจาก คอมมูนิเวิร์ส สถานที่ที่รวบรวมผู้นำเอเลี่ยนจากดาวต่างๆ ได้เชื้อเชิญให้ Elio เข้ามาเป็นหนึ่งในสมาชิกในฐานะ ‘ผู้นำโลก’ แถมเขายังต้องหาทางแก้ไขความขัดแย้งกับ Lord Grigon (Brad Garrett) ที่ถูกปฏิเสธจากการขอเป็นสมาชิกและกำลังยกกองทัพมาโจมตีคอมมูนิเวิร์สอีกต่างหาก! เรื่องราวอันวุ่นวายของ Elio ที่จะพาเขาไปพบกับมิตรภาพต่างดวงดาวจึงเริ่มต้นขึ้น
ถ้าผู้ชมเคยดูผลงานของสองผู้กำกับ Madeline Sharafian และ Domee Shi อย่าง Burrow และ Turning Red มาบ้าง เราจะสังเกตเห็นจุดร่วมอย่างหนึ่งที่สองผู้กำกับมีคล้ายๆ คือการนำเสนอประเด็น ‘ความโดดเดี่ยว’ ที่เกิดขึ้นจากความแตกต่างของเหล่าตัวละคร
ใน Burrow ว่าด้วยเรื่องราวของเจ้ากระต่ายที่วางแผนจะสร้างโพรงบ้านในฝันของตัวเอง แต่ไม่ว่าเจ้ากระต่ายจะขุดดินไปที่ไหนก็ต้องเจอกับโพรงบ้านที่สัตว์อื่นๆ อาศัยอยู่ และแม้ว่าเหล่าเพื่อนบ้านจะยื่นมือช่วยเหลือ เจ้ากระต่ายก็พยายาม ‘หลบเลี่ยง’ พวกเขาตลอด เพราะไม่มีเพื่อนบ้านคนไหนที่เป็นกระต่ายเหมือนกับตนเองเลย จนในท้ายที่สุดเมื่อเจ้ากระต่ายต้องเผชิญกับวิกฤต เขาก็ได้รับความช่วยเหลือจากเพื่อนบ้านที่เขาหลบเลี่ยงมาตลอดและได้เรียนรู้ว่าการไม่ต้องอยู่ ‘เพียงลำพัง’ เป็นอย่างไร
หรือใน Turning Red ก็เล่าเรื่องราวของ Meilin ที่แม้เธอจะมีกลุ่มเพื่อนและครอบครัวอยู่เคียงข้าง แต่การที่เธอมีพลังแปลงร่างเป็นแพนด้าแดงที่ได้รับการสืบทอดจากบรรพบุรุษ ก็ทำให้เธอมองว่าตัวเองไม่เหมือนคนอื่นจนต้องพยายาม ‘หลบหนี’ จากเพื่อนฝูงและขังตัวเองอยู่ในห้อง ‘เพียงลำพัง’
ส่วนภาพยนตร์เรื่องล่าสุดอย่าง Elio ผู้กำกับและทีมสร้างก็เลือกหยิบประเด็น ‘ความโดดเดี่ยว’ มานำเสนออีกครั้งผ่านมุมมองและสถานที่ที่ต่างไปจากเดิม
เริ่มที่ Elio เด็กหนุ่มผู้ต้องเผชิญกับ ‘ความโดดเดี่ยว’ จากการสูญเสียพ่อและแม่ไปอย่างกะทันหันจนต้องมาอาศัยอยู่กับน้าสาวที่ไม่ค่อยจะมีเวลาให้ หรือจะเป็นความชื่นชอบในอวกาศและเอเลี่ยนก็ทำให้เขาถูกคนรอบข้างมองว่าแปลกจนทำให้เขาพยายามปลีกตัวเองมาอยู่เพียงลำพัง จึงไม่แปลกนักที่เขาดูมุ่งมั่นตั้งใจที่อยากจะติดต่อกับเอเลี่ยนและขอให้พวกเขาพาตัวเองไปอยู่ด้วย เพราะคิดว่าที่นั่นอาจเป็นที่ๆ ทำให้เขาไม่รู้สึกโดดเดี่ยวอีกต่อไป
หรือจะเป็น Glordon (Remy Edgerly) ลูกแท้ๆ ของ Lord Grigon ที่หมายมั่นจะให้ลูกของตัวเองเติบโตขึ้นเป็นแม่ทัพผู้น่าเกรงขามเช่นตนเอง แต่ดูเหมือนว่า Glordon จะไม่ได้อยากเดินตามรอยพ่อและธรรมเนียมที่สืบทอดต่อกันมา ความรักสงบและสนุกสนานของ Glordon จึงทำให้เขาต้องโดดเดี่ยวที่มีความคิดแตกต่างไปจากคนอื่นและไม่สามารถใช้ชีวิตในแบบที่เขาใฝ่ฝัน กระทั่งเขาได้มาพบกับ Elio เพื่อนต่างดวงดาวที่ทำให้เขาค้นพบว่าการมี ‘เพื่อน’ ที่เข้าใจในกันและกันนั่นเป็นอย่างไร
ขณะเดียวกัน ตัวผู้กำกับและทีมสร้างเองก็ยังสอดแทรกเรื่องราวของผู้ใหญ่และครอบครัวในมุมมองที่น่าสนใจไม่แพ้กัน ทั้ง Olga น้าสาวผู้มีความฝันอยากจะเป็นนักบินอวกาศ แต่หลังจากต้องสูญเสียคนในครอบครัวไป เธอจึงต้องละทิ้งความฝันของตัวเองและพยายามทำทุกอย่างเพื่อดูแล Elio ให้ดีที่สุด แม้เขาจะไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของเธอก็ตาม หรือ Lord Grigon ที่ภายใต้เกาะอันทรงพลัง เขาก็ยังเป็นพ่อที่รักและห่วงใยลูกของตัวเอง เพียงแต่ตัวเขากลับถูกธรรมเนียมที่สืบทอดต่อกันมาบีบบังคับให้เขาไม่อาจมอบสิ่งที่ลูกของเขาต้องการจริงๆ ได้
Elio จึงไม่ได้เป็นภาพยนตร์ผจญภัยที่มีงานภาพเหนือจินตนาการเท่านั้น แต่มันยังถ่ายทอดเรื่องราว ‘ความโดดเดี่ยว’ ของเด็กๆ ที่พยายามออกตามหา ‘พื้นที่’ ที่พวกเขาสามารถเป็นตัวเองได้อย่างมีความสุข รวมถึงความกดดันและปัญหาที่ผู้ใหญ่ต้องเผชิญในแง่มุมที่เข้าถึงใจผู้ชมได้ไม่ยาก
ซึ่งจุดเด่นของ Elio (รวมถึงผลงานอื่นๆ ของ Pixar) ที่ผู้เขียนชื่นชอบเป็นการส่วนตัวคือ ท่ามกลางการผจญภัยที่สนุกสนานและอารมณ์ขัน แต่เมื่อถึงเวลาที่ภาพยนตร์ต้องเข้าสู่โหมดจริงจัง ผู้กำกับและทีมสร้างก็ยังคงนำเสนอมวลความรู้สึกของตัวละครออกมาได้ดีเสมอ โดยเฉพาะฉากเปิดเรื่องที่นอกจากจะเป็นการปูเรื่องราวให้เรารู้จักกับตัวละคร ฉากดังกล่าวยังทำให้เราเข้าใจความรู้สึกที่พวกเขากำลังเผชิญและอยากเข้าไปโอบกอดพวกเขาในทันที
แต่หากพูดถึงข้อสังเกตของภาพยนตร์เรื่องนี้ ส่วนตัวผู้เขียนแอบรู้สึกติดขัดกับฉากแอ็กชันในช่วงท้ายที่ Elio ต้องหาทางกลับไปยังคอมมูนิเวิร์สอีกครั้ง ซึ่งเราคิดว่าผู้กำกับและทีมสร้างยังนำเสนอฉากดังกล่าวไม่ค่อยลงตัว โดยเฉพาะการสร้างสถานการณ์และการคลี่คลายวิกฤตที่ดูเรียบง่ายจนไม่ทำให้เรารู้สึกตื่นเต้นหรืออยากเอาใจช่วยตัวละครเท่าไรนัก
รวมถึงการบาลานซ์เส้นเรื่องของ Glordon ที่ผู้กำกับและทีมสร้างแอบนำเสนอน้อยไปสักหน่อย ทั้งๆ ที่ประเด็นหลักของเขาน่าสนใจไม่แพ้ Elio เลย ซึ่งจุดนี้ก็ส่งผลให้การนำเสนอเรื่องราวมิตรภาพของ Elio และ Glordon ดูเบาลงไปพร้อมกัน ดังนั้นเมื่อเรื่องราวดำเนินมาถึงฉากสุดท้ายจึงทำให้เราไม่ค่อยมีความรู้สึกร่วมไปกับมิตรภาพของทั้งคู่อย่างที่ผู้กำกับและทีมสร้างตั้งใจ
ในภาพรวมแล้วสำหรับผู้เขียน Elio อาจจะไม่ได้เป็นภาพยนตร์แอนิเมชันที่เราชื่นชอบมากนักเมื่อเทียบหลายๆ ผลงานก่อนหน้าของ Pixar ยังมีบางช่วงบางตอนที่ที่เราแอบรู้สึกเฉยๆ แต่เราก็รู้สึกว่า Elio ยังเป็นภาพยนตร์แอนิเมชันที่ดูสนุก มีงานภาพเหนือจินตนาการที่น่าตื่นตา และเรื่องราวของตัวละครที่เข้าใจผู้ชมได้ไม่ยาก เหมาะกับการชวนคนในครอบครัวตีตั๋วเข้าไปรับชมร่วมกันในวันหยุด
Elio เข้าฉายแล้ววันนี้ ในโรงภาพยนตร์
ภาพ: Disney