เกิดอะไรขึ้น:
ใน 2Q66 ผลการดำเนินงานของกลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์เริ่มฟื้นตัว โดยผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ภายใต้ Coverage ได้แก่ บมจ.เคซีอี อีเลคโทรนิคส์ (KCE), บมจ.ฮานา ไมโครอิเล็คโทรนิคส (HANA) และ บมจ.เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) (DELTA) พบว่า กำไรสุทธิรวมของกลุ่มฯ อยู่ที่ 5.7 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.8%YoY และ 34.4%QoQ โดยเป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ว่าผลการดำเนินงานผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วในช่วง 1Q66
ทั้งนี้ กำไรที่ฟื้นตัว QoQ เนื่องจากปริมาณความต้องการที่ฟื้นตัว โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับ EV การควบคุมต้นทุนที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น และที่ค่าเงินบาทอ่อนค่าก็เป็นปัจจัยบวกต่อ Gross Margin ของกลุ่มเช่นกัน
แนวโน้มผลการดำเนินงานกลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ในไทยคาดว่าจะฟื้นตัวต่อเนื่องใน 2H66 โดยปกติแล้วยอดขายสินค้าอิเล็กทรอนิกส์จะสูงสุดของปีในไตรมาสที่ 3 ของทุกปี โดยสาเหตุหลักมาจากจำนวนวันทำงานในไตรมาสนี้จะมากที่สุดเมื่อเทียบกับไตรมาสอื่นๆ รวมถึงคำสั่งซื้อที่คาดว่าจะมีมากขึ้น รองรับความต้องการสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ที่จะพีคในช่วงเทศกาลให้ของขวัญปลายปี
นอกจากนี้แต่ละบริษัทในกลุ่มยังมีแผนการขยายกำลังการผลิตอย่างต่อเนื่อง เช่น DELTA (มีแผนเพิ่มกำลังการผลิต EV-Related Products ใน 2H66 อีก 20%), KCE (เพิ่มกำลังการผลิตของเครื่อง Laser Drill สำหรับ HDI Products) และ HANA (เพิ่มกำลังการผลิตในช่วงผลิตภัณฑ์ Silicon Carbide)
นอกจากนี้ยังมีประเด็นบวกจากต้นทุนราคาวัตถุดิบที่เริ่มมีการปรับตัวลดลง โดยเฉพาะราคาทองแดงในตลาดโลกที่มีแนวโน้มลดลง ประกอบกับค่าเงินบาทเทียบดอลลาร์สหรัฐฯ ก็คาดว่าจะมีเสถียรภาพมากขึ้น (ดีต่อภาพรวมผลการดำเนินงานของกลุ่มฯ) เมื่อเทียบกับช่วงที่ผ่านมา ทั้งนี้ คาดการณ์รายได้รวมของกลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ 3 บริษัทว่า จะเติบโต 8.2%HoH ใน 2H66 และคาดว่ารายได้กลุ่มจะเริ่มกลับมาเติบโต YoY อีกครั้งในช่วง 1H67 หลังจากเริ่มเห็นการกลับมา Restocking ของลูกค้าแล้ว
ส่วนแนวโน้มอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ของโลกเริ่มเห็นสัญญาณฟื้นตัว เห็นได้จาก Semiconductor Industry Association ได้รายงานยอดขายเซมิคอนดักเตอร์ทั่วโลกใน 2Q66 ที่เพิ่มขึ้น 4.7%QoQ แต่ยังลดลง 17.3%YoY โดยเฉพาะยอดขายผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับ Artificial Intelligence (AI) รวมถึงยอดขายเกี่ยวกับรถยนต์ที่ยังเติบโตแข็งแกร่ง
ขณะที่ยอดขายที่เกี่ยวข้องกับคอมพิวเตอร์และสมาร์ทโฟนยังคงปรับตัวลดลงต่อเนื่อง ทั้งนี้ สอดคล้องกับทางผู้ประกอบการในไทยที่ยังคาดการณ์ว่า อุตสาหกรรมรถยนต์ โดยเฉพาะ EV จะมีบทบาทสำคัญในการสร้างการเติบโตของยอดขายให้กับบริษัทในกลุ่มฯ อย่างต่อเนื่องใน 2H66 รวมถึง AI และ Data Center ยังเห็นสัญญาณบวกต่อเนื่อง
ด้านผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงนโยบายรัฐบาล เมื่อพิจารณาจากนโยบายค่าแรงและค่าไฟฟ้าตามที่พรรคเพื่อไทยที่กลับมาได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล โดยมีนโยบายปรับลดค่าพลังงาน น้ำมัน ไฟฟ้า และก๊าซ รวมถึงการปรับเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำเป็น 600 บาทต่อวันภายในปี 2570 นั้น ประเมินได้ว่า ไม่ค่อยมีผลกระทบต่อกำไรของกลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์มากนัก
กระทบอย่างไร:
ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ราคาหุ้น KCE ปรับเพิ่มขึ้น 23.27%MoM, ราคาหุ้น HANA ปรับเพิ่มขึ้น 24.12%MoM และราคาหุ้น DELTA ปรับลดลง 2.74%MoM ขณะที่ SET Index ปรับเพิ่มขึ้น 1.28%MoM
กลยุทธ์การลงทุนและคำแนะนำ:
InnovestX Research ยังคงมองว่า KCE น่าสนใจที่สุดในกลุ่มฯ เนื่องจากเห็นสัญญาณฟื้นตัวที่ชัดเจนมากขึ้นใน 2H66 และต่อเนื่องไปยังปี 2567 ทั้งจากปริมาณความต้องการผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับรถยนต์ที่ฟื้นตัวจากการลดสินค้าคงคลังในช่วงที่ผ่านมา ขณะที่ Valuation ก็ยังมีส่วนลดเมื่อเทียบกับ P/E Mean ในอดีต โดยให้ราคาเป้าหมายปี 2567 อยู่ที่ 61 บาทต่อหุ้น อิง 5 ปี P/E Mean ที่ 29 เท่า
ขณะที่ HANA คาดว่าจะยังมีโมเมนตัมบวกได้บ้างจากช่วงไฮซีซัน จึงแนะนำ Trading ระยะสั้นได้ ซึ่งได้มีการ Roll Over Target Price ไปเป็นปีหน้า ได้ Target Price ใหม่อยู่ที่ 66 บาท จากเดิม 57 บาทต่อหุ้น อิง 5 ปี P/E Mean ที่ 19 เท่า
ส่วน DELTA ราคาหุ้นที่ปรับตัวสูงขึ้นรับรู้ข่าวบวกไปค่อนข้างมากแล้ว จึงยังคงแนะนำ Underweight จาก Valuation ที่ค่อนข้างแรงเกินพื้นฐานอยู่ โดยราคาเป้าหมายปี 2567 อยู่ที่ 74 บาทต่อหุ้น อิง P/E Ratio ที่ 52 เท่า ซึ่งเท่ากับ +0.5 SD ของ P/E Mean ในรอบ 5 ปี
ปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่ต้องติดตามคือ ภาวะเศรษฐกิจโลกที่ฟื้นตัวช้าจะทำให้มีความเสี่ยงที่จะกระทบความต้องการผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์ ต้นทุนวัตถุดิบทองแดง ต้นทุนไฟฟ้า และค่าแรงตามนโยบายรัฐบาลใหม่