วันนี้ (17 เมษายน) ที่กระทรวงมหาดไทย อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงกรณีที่ศาลจังหวัดขอนแก่น มีคำพิพากษาจำคุก เอกราช ช่างเหลา สส.ขอนแก่น เป็นเวลา 5 ปี 93 เดือน และชดใช้เงินแก่สหกรณ์ออมทรัพย์ครูขอนแก่น เป็นจำนวนเงินกว่า 405 ล้านบาทนั้น
อนุทินระบุว่า เอกราชไม่ได้มาทำกิจกรรมกับพรรคภูมิใจไทยมาเกือบปีแล้ว และขณะนี้ก็เห็นเอกราชไปดำเนินการทางการเมืองในทางของเขา ในฐานะที่เป็นเพื่อน สส. ด้วยกัน เห็นใจ ขอส่งกำลังใจให้ แต่ในเรื่องการดำเนินการของกฎหมายมีแนวทางอยู่ และทางพรรคภูมิใจไทยเอง ในการประชุมหารือระหว่างกรรมการบริหารพรรคและ สส.พรรค มีการพูดคุยกันเรื่องที่จะเชิญเอกราชออกจากพรรค เพื่อที่จะได้มีอิสระในการทำงานการเมือง
อนุทินกล่าวอีกว่า หากเอกราชต้องคำพิพากษาแล้วแต่ยังไม่ถึงที่สุด เราก็มองว่าน่าจะยังสามารถขับเอกราชออกจากพรรคได้ เพื่อให้ไปสังกัดพรรคใหม่ตามความประสงค์ของเอกราช
“อะไรที่ทำให้ได้เพื่อให้เกิดความสบายใจกับทุกฝ่าย ก็พร้อมที่จะทำ” อนุทินกล่าวทิ้งท้าย
ขณะที่ แนน บุณย์ธิดา สมชัย สส. อุบลราชธานี โฆษกพรรคภูมิใจไทย ชี้แจงต่อกรณีดังกล่าวว่า เอกราชไม่ได้ทำกิจกรรมกับพรรคภูมิใจไทยตั้งแต่วันที่ 24 กันยายน 2567 และได้ไปร่วมงานทางการเมืองกับพรรคกล้าธรรมมาระยะหนึ่งแล้ว
“คดีดังกล่าว เป็นคดีที่เกิดขึ้นก่อนมาอยู่พรรคภูมิใจไทย อย่างไรก็ตามพรรคเคารพกระบวนการยุติธรรม คำพิพากษาของศาล และขณะนี้อยู่ในขั้นตอนดำเนินการตามข้อบังคับพรรค ขอยืนยันว่าพรรคไม่สนับสนุนผู้กระทำความผิดฉ้อโกงสหกรณ์ ซึ่งเป็นเงินของพี่น้องประชาชน” แนน บุณย์ธิดา กล่าว
ทั้งนี้ ในวันเดียวกันนี้ ศาลจังหวัดขอนแก่น ได้นัดอ่านคำพิพากษาคดีเลขดำที่ อ. 258/2564 และคดีเลขแดงที่ อ.1148/2566 ระหว่างพนักงานอัยการจังหวัดขอนแก่น ฝ่ายโจทก์ กับ เอกราช ช่างเหลา ส.ส.ขอนแก่น เขต 4 ปัจจุบันสังกัดพรรคภูมิใจไทย ฝ่ายจำเลย ในข้อกล่าวหาร่วมกันยักยอกทรัพย์,ร่วมกันปลอมแปลงเอกสารสิทธิ์และร่วมกันใช้เอกสารปลอม จากกรณีการทุจริตสหกรณ์ออมทรัพย์ครูขอนแก่น
ศาลมีคำพิพากษาว่า จำเลยได้ร่วมกันทำกระทำผิดตาม มาตรา 91 ฐานร่วมกันยักยอกทรัพย์ ทั้งหมด 5 กระทง ตัดสินจำคุกกระทงละ 3 ปี แต่จำเลยให้การรับสารภาพ ให้ลดโทษกึ่งหนึ่ง คงเหลือกระทงละ 1 ปี 6 เดือนรวม 5 ปี 30 เดือน และกระทำผิดตามและความผิดตามมาตรา 268 ฐานร่วมกันปลอมแปลงเอกสาร 21 กระทง ตัดสินจำคุกกระทงละ 6 เดือน โดยจำเลยให้การรับสารภาพ จึงลดโทษลงกึ่งหนึ่ง คงเหลือกระทงละ 3 เดือน รวม 63 เดือน รวมพิพากษา 5 ปี 93 เดือน
ขณะที่เงินที่ยักยอกไปกว่า 405 ล้านบาทนั้นจำเลยได้ชดใช้มาแล้วเพื่อบรรเทาเหตุ รวม 40 ล้านบาท โดยให้เงินที่ผ่อนชำระมานั้นนำมาหักเงินต้นและให้จำเลยชำระให้หมด