จากรายงานการคาดการณ์ของ The Economist Intelligence Unit (EIU) ประจำไตรมาสแรกของปี 2021 เกี่ยวกับสถานการณ์การฉีดวัคซีนต้านโควิด-19 และระยะเวลาคาดการณ์ที่เป้าหมายจะบรรลุผล ชี้ว่า กลุ่มประเทศยากจน โดยเฉพาะประเทศส่วนใหญ่ในทวีปแอฟริกา จะไม่สามารถบรรลุเป้าหมายการฉีดวัคซีนต้านโควิด-19 ให้แก่ประชาชนจำนวนมากได้ จนกว่าจะถึงปี 2024 เป็นอย่างน้อย
โดยประเมินข้อมูลจากกว่า 200 ประเทศและดินแดนทั่วโลก อ้างอิงปัจจัยต่างๆ เช่น ข้อตกลงจัดหาวัคซีนที่มีอยู่ในตอนนี้ กำลังการผลิตวัคซีน วัคซีนที่ส่งมอบแล้ว ตลอดจนโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับการแจกจ่ายและฉีดวัคซีน รวมถึงอัตราความลังเลในการฉีดวัคซีนของประชาชน อาทิ ในประเทศญี่ปุ่น ที่ถึงแม้จะเป็นประเทศพัฒนาแล้ว แต่เนื่องจากกระแสความไม่มั่นใจและข้อสงสัยเกี่ยวกับการฉีดวัคซีนในหมู่ประชาชน ส่งผลให้ญี่ปุ่นอาจไม่สามารถเดินหน้าฉีดวัคซีนต้านโควิด-19 ให้แก่ประชาชนได้ตามเป้าหมายภายในปีนี้
ประเทศที่มั่งคั่งและมีทุนมากอย่างสหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร อิสราเอล รวมถึงประเทศส่วนใหญ่ในสหภาพยุโรป จะเป็นประเทศลำดับต้นๆ ที่สามารถฉีดวัคซีนต้านโควิด-19 ให้แก่ประชาชนได้ครอบคลุมเป็นวงกว้างได้ภายในช่วงปลายปี 2021 นี้ ก่อนที่จะตามมาด้วยประเทศพัฒนาแล้วอื่นๆ กลุ่มประเทศที่มีรายได้ปานกลาง และกลุ่มประเทศที่มีรายได้น้อย ตามลำดับ
จากรายงานล่าสุดของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐฯ ระบุว่า มีพลเมืองอเมริกันกว่า 24.65 ล้านรายได้รับวัคซีนต้านโควิด-19 แล้วอย่างน้อย 1 โดส โดยมีพลเมืองอเมริกันราว 3.8 ล้านราย ได้รับวัคซีนครบแล้วทั้ง 2 โดส นับเป็นประเทศที่ฉีดโควิด-19 ให้พลเมืองมากที่สุดในขณะนี้ (ในเชิงปริมาณ) ตามมาด้วยจีน (22.77 ล้านราย) และสหราชอาณาจักร (7.64 ล้านราย) ขณะที่อิสราเอลยังคงเป็นประเทศที่มีสัดส่วนประชากรเข้ารับการฉีดวัคซีนมากที่สุดในขณะนี้ ฉีดไปแล้วกว่า 4.25 ล้านรายหรือคิดเป็นกว่า 49% ของจำนวนประชากรทั้งหมดราว 9.3 ล้านราย
ภาพประกอบ: ฉัตรชัย เฉยชิต
พิสูจน์อักษร: วรรษมล สิงหโกมล
อ้างอิง: