ทองคำคือทางเลือกในการลงทุนที่ดีในยามที่โลกกำลังเผชิญกับเรื่องของเงินเฟ้อ มหาเศรษฐีชาวอียิปต์ นากิบ สวิริส กล่าวผ่าน CNBC ซึ่งโดยทั่วไปแล้วนักลงทุนมักจะถูกแนะนำให้จัดสรรเงินลงทุนในทองคำราว 5-10% ของพอร์ต แต่ในมุมของสวิริสแนะนำให้จัดสรรเงินลงทุนในสัดส่วนที่มากกว่านั้น
“สำหรับผมสัดส่วนของทองคำในพอร์ตคือ 20-30% และในบางเวลาเคยสูงถึง 50%” สวิริสถึงขั้นจัดตั้งกองทุนทองคำมูลค่า 1.4 พันล้านดอลลาร์ และมองว่าทองคำสามารถเป็นเครื่องป้องกันความเสี่ยงที่ดี
“หากเงินเฟ้อมาจริงและตลาดหุ้นเกิดดิ่งลงอย่างหนักไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม คุณจะรู้สึกดีที่มีสัดส่วนเงินลงทุนในทองคำอยู่ด้วย”
ทั้งนี้ ส่วนตัวสวิริสมองว่าตลาดหุ้นในปัจจุบันอยู่ในระดับที่ค่อนข้างสูงอย่างต่อเนื่องมาระยะหนึ่งแล้ว และในท้ายที่สุดตลาดจะต้องร่วงลงมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งในปัจจุบันจะเห็นว่ามีความไม่แน่นอนหลายอย่างในตลาด เช่น ความเปราะบางทางการเมือง และการแพร่ระบาดของโควิดที่ลากยาว
“ผมอยากจะนอนหลับสนิทในตอนกลางคืน เพราะไม่ต้องกังวลว่าตลาดจะพังลงมา หรือโควิดจะรุนแรงขึ้นอีก”
อย่างไรก็ตาม ทองคำไม่ได้ให้ผลตอบแทนที่ดีในทุกสภาวะ แต่สถิติในอดีตก็ชี้ให้เห็นว่าเมื่อตลาดอยู่ท่ามกลางเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น ทองคำจะให้ผลตอบแทนที่ดี ทั้งนี้สวิริสรู้ดีว่าอัตราดอกเบี้ยที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น หลังจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจหลังโควิดจะกระทบต่อผลตอบแทนของทองคำ แต่สวิริสมองว่านี่คือการลงทุนระยะยาว
สำหรับทิศทางราคาทองคำหลังจากที่ร่วงลงไปแตะระดับ 1,690 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เมื่อวันที่ 9 สิงหาคมที่ผ่านมา ทำจุดต่ำสุดในรอบเกือบ 5 เดือน ซึ่งการปรับฐานครั้งนี้เกิดขึ้นมาตั้งแต่ต้นเดือนมิถุนายน หลังจากที่ราคาทองคำพุ่งไปแตะระดับ 1,900 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ล่าสุดราคาทองคำฟื้นตัวกลับมาอยู่ที่ระดับประมาณ 1,780 ดอลลาร์ต่อออนซ์
อ้างอิง: