วานนี้ (25 พฤศจิกายน) นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เปิดเผยว่า กัญชาจัดเป็นยาเสพติดให้โทษประเภท 5 ตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ 7) พ.ศ. 2562 การนำไปใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ต้องอยู่ในการควบคุมดูแลของแพทย์ ประเทศไทยยังไม่อนุญาตให้นำไปผสมในอาหาร ขนม เครื่องดื่ม การออกฤทธิ์ของกัญชาจะเร็วหรือช้าขึ้นอยู่กับวิธีการที่นำกัญชาเข้าสู่ร่างกาย ชนิด ปริมาณ และการตอบสนองที่แตกต่างกันในแต่ละคน
แม้ขณะนี้จะมีบางประเทศ เช่น มลรัฐโคโลราโดของสหรัฐอเมริกา กับประเทศแคนาดา อนุญาตให้นำกัญชาผสมในขนม อาหาร หรือเครื่องดื่มชนิดต่างๆ และประชาชนสามารถใช้ได้เองอย่างถูกกฎหมายในรูปแบบของคุกกี้ บราวนี่ ช็อกโกแลต ลูกอม อมยิ้ม เยลลี่ ขนมขบเคี้ยว หรือเครื่องดื่ม
นพ.โอภาส กล่าวต่ออีกว่า กัญชามีสารสำคัญตัวหนึ่งคือ ทีเอชซี ซึ่งเป็นวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 1 ตามพระราชบัญญัติวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. 2559 เมื่อเข้าสู่ร่างกายจะออกฤทธิ์ต่อระบบประสาทส่วนกลางคือ มีฤทธิ์ต่อสมองและทำให้ร่างกาย อารมณ์ และจิตใจเปลี่ยนแปลงไป ทีเอชซีจะออกฤทธิ์กระตุ้นประสาท ทำให้อารมณ์ดี หัวเราะ และหัวใจเต้นเร็ว ต่อมาจะกดประสาท ทำให้ผู้เสพมีอาการมึนงง เซื่องซึม และง่วงนอน หากเสพเข้าไปในปริมาณมากๆ จะหลอนประสาท ทำให้เห็นภาพลวงตา หูแว่ว ความคิดสับสน ควบคุมตนเองไม่ได้ มีการนำมาใช้ในทางที่ผิด โดยการสูบ เคี้ยว หรือผสมกัญชาลงในอาหาร
ในกรณีสูบกัญชาจะเข้าสู่กระแสเลือดได้อย่างรวดเร็วภายใน 2-3 นาที และจะออกฤทธิ์ต่อจิตประสาทได้สูงสุดถึง 1 ชั่วโมง แต่การรับประทานใช้เวลาในการออกฤทธิ์นานราว 1 ชั่วโมง หรือมากกว่า และจะถูกเปลี่ยนแปลงในร่างกาย และถูกขับออกทางปัสสาวะเป็นส่วนใหญ่ ในกรณีไม่เคยเสพกัญชา จะอยู่ในร่างกายได้นาน 2-5 วัน สามารถตรวจหาสารสำคัญของกัญชาได้ในปัสสาวะ ด้วยชุดทดสอบกัญชาเบื้องต้น และยืนยันผลโดยใช้เครื่องมือชั้นสูง ได้แก่ เครื่องแก๊สโครมาโตกราฟี-แมสสเปกโทรมิเตอร์ (GC-MS) ที่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ทั้งที่ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์และสำนักยาและวัตถุเสพติด
“การรับประทานอาหารที่ผสมกัญชาออกฤทธิ์ได้เช่นเดียวกับการเสพ แต่ช้ากว่า จึงพบอาการข้างเคียงจากการใช้กัญชาในปริมาณเกินขนาดจนเกิดอันตรายได้ แต่อย่างไรก็ตาม การออกฤทธิ์จะขึ้นกับชนิด ปริมาณของสารสำคัญ และการตอบสนองที่แตกต่างกันในแต่ละคน การรับประทานจะไม่ทำให้กลิ่นติดตัวเหมือนการสูบ จึงนิยมใช้ในสถานบันเทิง การผสมในอาหารส่วนใหญ่จะมีสี กลิ่น และรสที่น่ารับประทาน จะไม่สามารถสังเกตได้จากลักษณะภายนอกว่ามีกัญชาผสมหรือไม่ แต่อาจสังเกตที่สัญลักษณ์บนฉลากจะมีคำว่า cannabis, THC, CBD หรือ Hemp ต้องระมัดระวังและไม่รับประทานอาหารหรือเครื่องดื่มจากคนแปลกหน้า และให้ความรู้กับเยาวชน เพื่อป้องกันภัยที่อาจเกิดขึ้นได้” นพ.โอภาสกล่าว
พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล