×

เด็กเกิดน้อยลงทุกวัน สวนทาง AI ครองเมือง การศึกษาไทยต้อง ‘พลิกตำรา’ ปรับตัวทางไหนถึงจะรอดและสร้างคนสู้อนาคต?

01.06.2025
  • LOADING...
เด็กนักเรียนไทยใช้แท็บเล็ตเรียนรู้ในห้องเรียนอัจฉริยะ สะท้อนการเปลี่ยนแปลง การศึกษาไทย ยุค AI

ระบบ การศึกษาไทย กำลังเผชิญจุดเปลี่ยนสำคัญที่ไม่เคยมีมาก่อน เมื่ออัตราการเกิดของประชากรไทยปี 2567 ลดลงเหลือเพียง 462,240 คน ต่ำกว่าปีก่อนกว่า 50,000 คน สะท้อนแนวโน้มเดียวกับญี่ปุ่นและสิงคโปร์ที่ต้องเผชิญกับ ‘สังคมผู้สูงอายุ’

 

ความท้าทายนี้ผลักดันให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะกระทรวงศึกษาธิการต้องเร่งปรับเปลี่ยนระบบการศึกษาครั้งใหญ่ เพื่อรองรับโลกแห่งอนาคตที่เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์เข้ามามีบทบาทสำคัญ

 

“แนวโน้มที่เกิดขึ้นเป็นความท้าทายสำคัญของการให้บริการทางการศึกษาทั้งในภาครัฐและเอกชน” พิเชฐ โพธิ์ภักดี รองปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ระบุ พร้อมขยายความว่า ปัจจุบันมีโรงเรียนในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานราว 30,000 แห่ง ในจำนวนนี้เป็นโรงเรียนขนาดเล็กที่มีนักเรียนประมาณ 120 คนต่อแห่งถึง 15,000 แห่ง

 

สิ่งที่ต้องจับตามองคือการศึกษาไทยยุคใหม่กำลังเผชิญ 6 ความท้าทายหลักในปัจจุบัน 

 

ประการแรก รูปแบบการเรียนรู้ไม่จำกัดแค่ในห้องเรียน เนื่องจากการเรียนการสอนแบบดั้งเดิมไม่ตอบโจทย์อีกต่อไป โลกปัจจุบันต้องการรูปแบบที่ยืดหยุ่น เรียนได้ทุกที่ทุกเวลาผ่านสื่อและเทคโนโลยีหลากหลาย

 

ประการที่สอง บทบาทครูเปลี่ยนจาก ‘ผู้สอน’ เป็น ‘ผู้สนับสนุนการเรียนรู้’ ครูไม่ได้เป็นเพียงผู้ถ่ายทอดความรู้อีกต่อไป แต่ต้องเป็นผู้อำนวยความสะดวกที่สร้างแรงบันดาลใจและส่งเสริมให้นักเรียนเรียนรู้ด้วยตนเอง

 

ประการที่สาม เทคโนโลยีและ AI กลายเป็นหัวใจของการเรียนรู้ ด้วยการมาถึงของปัญญาประดิษฐ์ เครื่องมือดิจิทัล และแพลตฟอร์มออนไลน์ เทคโนโลยีไม่ใช่แค่ ‘ตัวช่วย’ แต่เป็น ‘สื่อกลาง’ สำคัญที่เปิดโอกาสให้เข้าถึงการศึกษาได้เท่าเทียม 

ประการที่สี่ การเรียนรู้ตลอดชีวิต ไม่ใช่แค่เด็กนักเรียน แต่ทุกคนต้องเป็น ‘นักเรียนตลอดชีวิต’ แม้จะทำงานแล้วก็ยังต้องเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ตลอดเวลา 

 

ประการที่ห้า ภาษาต่างประเทศและทักษะชีวิตสำคัญไม่แพ้ปริญญา ภาษาอังกฤษ จีน ญี่ปุ่น เกาหลี หรือแม้แต่สเปน กำลังกลายเป็นกุญแจสำคัญในการสื่อสารและทำงานในโลกยุคใหม่

 

ประการสุดท้าย สิ่งแวดล้อม จริยธรรม และ ‘กรีนเอดูเคชัน’ ต้องมาคู่กัน การศึกษาไม่ได้เน้นแค่ความทันสมัย แต่ยังต้องปลูกฝังเรื่องจริยธรรมและการใช้เทคโนโลยีอย่างมีจริยธรรมควบคู่ไปกับการรักษาสิ่งแวดล้อม 

 

พิเชฐกล่าวว่า “แนวทางเหล่านี้จะเข้ามาตอบโจทย์ความต้องการในระบบการศึกษาของคนรุ่นใหม่ที่อาจมองว่าไม่จำเป็นต้องมีใบปริญญา แต่จะต้องมีทักษะที่จำเป็นในการทำงานในอนาคต”

 

ทำให้กระทรวงศึกษาธิการ ผลักดันแนวทาง Happy Learning เพื่อลดภาระของครูและนักเรียน และเพิ่มความสุขในการเรียนรู้ โดยเน้นการเรียนรู้ที่มีคุณภาพ เท่าเทียม และหลากหลาย

 

  • ลดภาระที่ไม่จำเป็น ให้ครูมีเวลาสอนมากขึ้น นักเรียนมีเวลาคิดมากขึ้น
  • เรียนรู้ได้ทุกที่ ทุกเวลา ผ่านเทคโนโลยีและอินเทอร์เน็ต โดยเฉพาะในพื้นที่ห่างไกล
  • ใช้ AI เสริมการสอนภาษา เช่น การใช้ระบบสอนภาษาอังกฤษหรือจีนแบบโต้ตอบได้ ช่วยให้โรงเรียนที่ไม่มีครูเฉพาะทางยังสามารถเข้าถึงเนื้อหาได้

 

รวมถึงเตรียมผลักดันการเรียนภาษาสเปนเพิ่มเติม นอกจากนี้ยังมีการส่งเสริมการเรียนภาษาจีน ญี่ปุ่น เกาหลี ด้วยความร่วมมือจากประเทศต้นทาง ทั้งการส่งครูสอนภาษาเข้ามาและการจัดโปรแกรมเรียนรู้ร่วมกัน

 

ขณะที่ ฮันส์ สโตเตอร์ กรรมการผู้จัดการประจำเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และจีน ของ Messe Stuttgart มองว่า ในยุคแห่งการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ระบบการศึกษาไม่สามารถยึดติดอยู่กับรูปแบบเดิมได้อีกต่อไปห้องเรียนอัจฉริยะและปัญญาประดิษฐ์ (AI) จึงกลายเป็นหัวใจสำคัญของการยกระดับคุณภาพการเรียนรู้และสร้างความเท่าเทียมในการศึกษา

 

ดังนั้นเพื่อเตรียมบุคลากรสำหรับอนาคต จึงจะมีการจัดงาน didacta asia 2025 มีกำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 15-17 ตุลาคม 2568 ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา โดยในปีนี้จะขยายพื้นที่จัดงานให้ใหญ่ขึ้น เพื่อรองรับผู้จัดแสดงสินค้า และผู้เข้าชมงานกว่า 4,000 ราย 

 

ภาพ: Meepian Graphic / Shutterstock

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising