“ผมเติบโตในเมืองเล็กๆ แห่งหนึ่ง และไม่เคยคิดว่าเพลงที่ผมแต่งจะมาได้ไกลขนาดนี้” คือหนึ่งในประโยคที่ เอ็ด ชีแรน พูดบนเวทีคอนเสิร์ตครั้งแรกของเขาในเมืองไทย Ed Sheeran Live in Bangkok 2017 ณ อิมแพ็ค อารีน่า เมืองทองธานี เมื่อค่ำคืนที่ผ่านมา
นักร้องหนุ่มอังกฤษวัย 26 ปีคนนี้ได้ขนเพลงฮิตมาร้องมากมายแบบท็อปฟอร์ม และไม่แสดงวี่แววว่าเขาเพิ่งประสบปัญหากระดูกหักที่ข้อมือขวาและข้อศอกด้านซ้ายเมื่อเดือนก่อน
ตลอดกว่า 90 นาทีของคอนเสิร์ต (ที่ขายบัตรหมดเกลี้ยงในพริบตา) เอ็ดได้เลือกเพลงจากทั้ง 3 อัลบั้ม + (2011), x (2014) และ ÷ (2017) มาเล่น เปิดโชว์ด้วยเพลง Castle on the Hill ที่พูดถึงชีวิตการเติบโตในเขตปกครองซัฟฟอล์กของเอ็ด และต่อด้วยเพลง Eraser จากอัลบั้มล่าสุด ก่อนที่เขาจะเล่นซิงเกิลแรกในชีวิตอย่าง ‘The A Team’ เป็นเพลงที่ 3 ซึ่งเรียกเสียงกรี๊ดได้กระหึ่มทั้งฮอลล์ และทำให้เห็นว่าเส้นทางชีวิตการเป็นศิลปินเบอร์ต้นๆ ในวงการของเขาถือว่าเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว 6 ปีที่แล้วตอนปล่อยเพลงนี้ เขายังเล่นดนตรีตามสถานีรถไฟในลอนดอนอย่าง St Pancras International อยู่เลย ก่อนที่จะเริ่มทำและปล่อยเพลงเองแบบไร้ต้นสังกัด จนสุดท้ายได้เซ็นสัญญาเป็นศิลปินกับค่าย Asylum Records
ตามคาด เพลงที่เรียกเสียงกรี๊ดได้มากที่สุดและทุกคนร้องตามกันได้ทุกคำก็มีทั้งซิงเกิลล่าสุด Perfect ที่ติดอันดับหนึ่งบนชาร์ตเพลงบ้านเราขณะนี้ เพลง Don’t กับ Photograph จากอัลบั้มก่อน และแน่นอน Thinking Out Loud เพลงบัลลาดที่ได้กลายเป็นอีกหนึ่งเพลงคลาสสิกแห่งยุคกับยอดฟังผ่าน Spotify กว่า 970 ล้านครั้ง ชนะรางวัลแกรมมี่สาขาใหญ่ Song of The Year ในปี 2016 และยังได้กลายเป็นเพลงที่หลายคู่เลือกมาเป็นเพลง First Dance ในงานแต่งงานของตัวเอง ซึ่งหลังจากคอนเสิร์ตนี้ เราเชื่อว่าต้องมีอีกหลายคู่ที่ทำตามแน่นอน!
ส่วนเพลงฮิตประจำปี Shape of You ก็มาแรงไม่แพ้กัน ซึ่งเอ็ดเลือกร้องช่วงอังกอร์ในตอนท้าย ก่อนจะปิดคอนเสิร์ตด้วยเพลง You Need Me, I Don’t Need You จากอัลบั้มแรก ที่เขาทั้งร้อง แรป (Eminem คือหนึ่งในไอดอลของเอ็ด) เล่นกีตาร์ และบีตบ็อกซ์ โชว์ทุกอย่างในหนึ่งเพลงแบบเหนือชั้น และทำให้เห็นว่าเขาเป็นศิลปินที่มาพร้อมหลายมิติมากกว่าที่เราคิด
เสน่ห์ของคอนเสิร์ตในครั้งนี้คือเอ็ดไม่ได้เปิดตัวขึ้นมาบนลิฟต์ไฮโดรลิก โหนสลิง มีแดนเซอร์มาประกอบ หรือแม้แต่วงดนตรีแบ็กอัพ (ยกเว้นเพลง How Would You Feel (Paean) ที่ได้หนึ่งในทีมงานชื่อ PJ Smith มาเล่นคีย์บอร์ดให้) แต่เอ็ดมาในคอนเซปต์ 0ne man show กับเสื้อยืดกางเกงยีนส์ง่ายๆ เสียงร้องที่ต้องใช้วลี ‘เหมือนถอดมาจากแผ่น’ และเล่นกีตาร์สลับไปมาหลายตัว พร้อมกับการใช้ตัวเอฟเฟกต์ Loop Pedal เสริม ซึ่งถึงแม้จะมีจอ LCD ยักษ์ด้านหลังกับกราฟิกต่างๆ ที่สอดคล้องกับเพลง (กราฟิกปาดเลือดในเพลง Bloodstream) แต่เขาสามารถทำให้ทั้งโชว์มีความรู้สึกส่วนตัวและไม่ได้รู้สึกว่าต้องทำอะไรยิ่งใหญ่เพื่อดึงดูดความสนใจของผู้ชม
ซึ่งโดยรวมแล้ว การที่เอ็ดสะกดคนดูได้ตลอดเวลาและมาพร้อมศักยภาพขนาดนี้ จึงไม่น่าแปลกใจถ้าต่อไปเราจะเรียกเขาว่าเป็น ‘ตำนาน’ ซึ่งการันตีด้วยทัวร์ในครั้งนี้ที่จะมีการแสดงทั่วโลกมากกว่า 190 รอบ พร้อมกับอีก 4 รอบที่สนามกีฬาเวมบลีย์ในลอนดอนช่วงเดือนมิถุนายนปีหน้า ซึ่งสามารถจุคนได้สูงถึง 80,000 คนต่อรอบ!
ดูผิวเผินแล้ว หลายคนอาจสงสัยว่าทำไมนักร้องหนุ่มคนนี้ถึงรับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ แม้เพลงของเขาตลอด 3 อัลบั้มที่ผ่านยังจะคงซาวด์โฟล์กป๊อปอยู่เสมอ ถ้าใครได้ไปดูคอนเสิร์ตเมื่อคืนคงจะเข้าใจว่าเพราะความง่าย จริงใจ และคงเส้นคงวาคือหัวใจสำคัญที่เขาสะท้อนเสมอมา เอ็ดไม่ได้มีรูปร่างหน้าตาในแบบฉบับ ‘ป๊อปสตาร์’ ที่เพอร์เฟกต์ทุกอณูจนเอื้อมไม่ถึง แต่เขาเปรียบเสมือนเพื่อนคนหนึ่งของเราที่ถือกีตาร์ไปทุกที่และร้องเพลงอะไรก็กินใจ เราเลยไม่แปลกใจว่าทำไมสาวกแฟนของเอ็ดที่มีชื่อเฉพาะว่า ‘Sheerios’ จึงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
แต่สิ่งที่วิเศษสุดสำหรับคอนเสิร์ตเอ็ด ชีแรน คือเมื่อมองรอบๆ อิมแพ็คในบรรดาผู้ชมนับ 12,000 คน คุณจะเห็นคนกอดกัน เสียน้ำตา ยิ้ม หัวเราะ และสนุกไปด้วยกัน ซึ่งนั่นคือพลังและความสำคัญของศิลปินคนนี้ที่ระยะเวลาแค่ 6 ปีในวงการ เพลงของเขาสามารถนำพาคนทุกเพศ ทุกวัย ทุกเชื้อชาติมาอยู่ร่วมกันอย่างไม่มีขอบเขต และนำเอาเนื้อหาไปปรับใช้เป็นสิ่งขับเคลื่อนชีวิต ไม่ว่าคุณกำลังเดินไปทิศทางไหน
SET LIST
*ขอบคุณภาพจาก Bec-Tero Entertainment
- ผลงานล่าสุดของเอ็ดคือการไปร่วมร้องเพลง End Game ของเทย์เลอร์ สวิฟต์ ในอัลบั้ม Reputation ซึ่งมีแรปเปอร์ Future ไปแจมด้วย
- สำหรับงานประกาศรางวัล American Music Awards ที่จะจัดตรงกับเช้าวันจันทร์ที่จะถึงนี้ของบ้านเรา เอ็ดก็เข้าชิงใน 5 สาขาสำคัญ เช่น Artist of the Year เป็นต้น
- สำหรับ Opening Act ที่มาเล่นเปิดคอนเสิร์ตเมื่อคืนนี้ก็คือศิลปินป๊อปชาวอเมริกันที่มาแรงอย่าง Lauv หรือชื่อจริง Ari Staprans Leff วัย 23 ปี ที่มีเพลงฮิต I Like Me Better ที่มียอดฟังผ่าน Spotify กว่า 243 ล้านครั้งแล้ว
Lauv