“Retail Never Die” คือคำแรกที่ ชฎาทิพ จูตระกูล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด กล่าวบนเวที THE STANDARD ECONOMIC FORUM หัวข้อ ‘reinventing Retail ค้นหาตัวตนใหม่ในสงครามค้าปลีกแห่งอนาคต’
ชฎาทิพระบุอีกว่า ภาพรวมของศูนย์การค้ามีมูลค่า 1.75 แสนล้านบาท นี่ถือเป็นตลาดที่ใหญ่ ซึ่งไม่ได้รองรับแค่นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเท่านั้น แต่ยังมีนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก โดยศูนย์การค้าไม่ได้เป็นสถานที่แค่การจับจ่ายใช้สอย แต่ยังเป็นบ้านหลังที่สองที่ผู้บริโภคมาใช้ชีวิต มาเรียนรู้ มามีความสุข
อย่างไรก็ตาม การระบาดของโควิด-19 ทำให้พฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนไป โดยเฉพาะความกลัว ซึ่งส่งผลกระทบใน 4 เรื่อง ได้แก่
- การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมสูงสุดคืนสู่สามัญ การที่อยู่บ้านและไม่ได้ออกไปไหน วิกฤตสุขภาพทำให้คนได้คิดและมองว่า การมีสุขภาพที่ดีมีค่ามากกว่าทรัพย์สินเงินทอง
- ผู้บริโภคจะมีอีโมชันนัลมากขึ้น จากนี้จะตัดสินใจด้วยอารมณ์และความสนุก
- คิดถึงคนอื่นมากขึ้น ซึ่งจะเป็นพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปได้ชัดเจน
- หันมาซื้อของออนไลน์มากขึ้น เพื่อความสะดวกและรวดเร็ว ซึ่งต่อไปจะกลายเป็นความเคยชิน
“เหล่านี้ล้วนเป็นโอกาสสำหรับธุรกิจ ที่สามารถทดลองสิ่งต่างๆ ที่เป็นไปตามพฤติกรรมของผู้บริโภค สิ่งสำคัญคือเราต้องไม่ยึดติดกับสิ่งเดิมๆ ซึ่งเป็นหนทางของการมีธุรกิจใหม่ๆ ซึ่งถ้าเราเป็นคนแรกที่ทำ ก็จะมีโอกาสสำเร็จสูง เพราะไม่ต้องไปแข่งกับใคร
“อย่างสยามพิวรรธน์ เวลาเราทำอะไร เราไม่ได้ทำเหมือนคนอื่น แต่เรากำลังสร้างตลาดของตัวเอง ซึ่งไม่ได้หมายถึงฐานลูกค้าใหม่ แต่เป็นแฟนคลับที่ศรัทธาในแบรนด์ของเรา จุดนี้นอกจากลูกค้าจะรักแบรนด์เราแล้ว ยังจะไปบอกต่อให้กับเพื่อนด้วย”
ชฎาทิพย้ำอีกว่า การสร้าง Branding เป็นสิ่งที่สำคัญ เราต้องรู้ว่าจุดแข็งของธุรกิจคืออะไร และหยิบเรื่องนั้นออกมาพูดด้วยการสื่อสารออกไป แต่เป็นการสื่อสารในสิ่งที่ลูกค้าอยากรู้ ไม่ใช่สิ่งที่เราต้องการจะพูด วิธีนี้จะทำให้ลูกค้าเกิดความเชื่อมั่นในแบรนด์
อีกเรื่องที่สำคัญไม่แพ้กันคือ ‘ทีมงานมหัศจรรย์’ สนามการแข่งขันรีเทลรุนแรงขึ้นทุกวัน ดังนั้น ถ้าเราไม่มีทีมงานมหัศจรรย์ ก็จะไม่สามารถสร้างสรรค์สิ่งที่เหนือกว่าคู่แข่งได้ โดยทีมงานจะต้องเป็นคนที่เข้าใจแบรนด์มากที่สุด ตลอดจนเป็นคนที่เชื่อมั่นและรักในแบรนด์มากที่สุด ซึ่งทั้งหมดนี้จะเป็นแต้มต่อสำหรับต่อสู้ในอนาคตได้
พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล