ธนาคารกลางยุโรป (ECB) มีมติเมื่อวานนี้ (12 มีนาคม) ไม่ลดอัตราดอกเบี้ยตามที่ตลาดคาดการณ์ แม้มีกระแสคาดหวังว่า ECB จะใช้เครื่องมือดอกเบี้ยเพื่อพยุงเศรษฐกิจยูโรโซน และบรรเทาผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19 อย่างไรก็ตาม ทางธนาคารกลางได้ประกาศมาตรการผ่อนคลายทางการเงิน โดยเพิ่มขนาดการซื้อสินทรัพย์วงเงิน 1.2 แสนล้านยูโร เพื่ออัดฉีดเงินเข้าระบบ
ก่อนหน้านี้ตลาดคาดหวังว่า ECB จะปรับลดดอกเบี้ยเงินฝากลงอีก 0.10% เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจยูโรโซน ท่ามกลางความหวาดวิตกว่าวิกฤตโคโรนาอาจฉุดเศรษฐกิจยุโรปเข้าสู่ภาวะถดถอย ขณะที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) และธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ได้ปรับลดดอกเบี้ยฉุกเฉิน 0.5% ไปก่อนหน้านี้ เพื่อประคับประคองเศรษฐกิจให้ขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง
คริสติน ลาการ์ด ประธาน ECB กล่าวในระหว่างแถลงข่าวว่า การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาส่งผลกระทบอย่างใหญ่หลวงต่อแนวโน้มการเติบโตของเศรษฐกิจทั่วโลกและเศรษฐกิจยูโรโซน ขณะเดียวกันก็สร้างความผันผวนให้กับตลาด
ด้าน โฮลเกอร์ ชไมดิง นักเศรษฐศาสตร์จากธนาคาร Berenberg ให้ความเห็นว่า ความเคลื่อนไหวของ ECB ครั้งนี้สวนทางกับที่ตลาดคาดการณ์ เนื่องจากไม่ได้ปรับลดดอกเบี้ยเงินฝากสู่ระดับ -0.6% แต่ ECB จะรับซื้อสินทรัพย์ทางการเงินเพิ่มขึ้นแทน โดยจะโฟกัสไปที่ตราสารหนี้ที่ออกโดยเอกชน และจะอัดฉีดสภาพคล่องเข้าไปในระบบธนาคารมากขึ้น
ปัจจุบันอัตราดอกเบี้ยของ ECB อยู่ที่ -0.5% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ โดยดอกเบี้ยติดลบจะช่วยกระตุ้นให้ธนาคารพาณิชย์ปล่อยสินเชื่อมากกว่าที่จะฝากเงินไว้กับธนาคารกลาง ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญหลายคนมองว่า การที่ ECB ตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยเป็นเพราะมีเครื่องมือน้อยกว่าธนาคารกลางของประเทศอื่นๆ เนื่องจากเวลานี้ดอกเบี้ยอยู่ในแดนลบอยู่แล้ว จึงขยับเขยื้อนไม่ได้มาก
เมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา ลาการ์ดเตือนว่าสถานการณ์ที่เป็นอยู่อาจทำให้เกิดวิกฤตเหมือนกับปี 2008 หากบรรดาผู้กำหนดนโยบายและรัฐบาลของประเทศต่างๆ ไม่ร่วมมือกันรับมือกับการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรโนา ซึ่งปัจจุบันมีผู้ติดเชื้อแล้วมากกว่า 127,000 ราย และเสียชีวิตเกือบ 5,000 รายทั่วโลก
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์
อ้างอิง: