×

ส่องสินทรัพย์ฮีโร่จะนำพอร์ตเข้าใกล้เป้าหมายความมั่งคั่งในปี 2024 ที่เป็นปี ‘Easing Hope’

03.01.2024
  • LOADING...

ภาพรวมตลาดเงินตลาดทุนทั่วโลกในปี 2023 เรียกได้ว่าเป็นปีแห่งความเข้มงวด สะท้อนจากการดำเนินนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา (Fed) ตลอดปี ซึ่ง Fed ปรับขึ้นดอกเบี้ยไปแล้ว 4 ครั้ง รวมทั้งหมด 1.00% จากระดับ 4.25-4.5% เมื่อช่วงปลายปี 2022 มาสู่ระดับ 5.25-5.5% หากนับตั้งแต่เริ่มวัฏจักรการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนมีนาคม 2022 จนถึงปัจจุบัน (ธันวาคม 2023) Fed ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยทั้งสิ้น 11 ครั้ง ส่งผลให้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยรวมถึง 5.25% 

 

เช่นเดียวกับนโยบายการเงินของธนาคารกลางของประเทศสำคัญทั่วโลก รวมทั้งไทย โดยในปี 2023 คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 5 ครั้งติดต่อกัน รวมทั้งหมด 1.25% จากระดับ 1.25% เมื่อช่วงปลายปี 2022 มาสู่ระดับ 2.5% เว้นแค่เพียงธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ที่ยังคงยืนยันการดำเนินนโยบายการเงินที่สวนทางตลาดโลกอยู่เช่นเดิม 

 

สำหรับปี 2024 UOB Privilege Banking ให้นิยามว่า ‘A Year of Easing Hope’ โดยประเด็นหลักที่ต้องจับตาคือ ความคาดหวังว่า Fed จะเริ่มลดดอกเบี้ยในช่วงกลางปี 2024 ซึ่งเป็นผลจากการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง ในขณะที่เงินเฟ้อเริ่มมีเสถียรภาพมากขึ้น จึงคาดว่า Fed จะเริ่มลดดอกเบี้ยช่วงกลางปี 2024 เป็นต้นไป โดยลดที่ 0.75% (ลดทั้งหมด 3 ครั้ง ครั้งละ 0.25% ในเดือนมิถุนายน, ไตรมาส 3 และไตรมาส 4) 

 

ขณะที่ธนาคารกลางอื่นๆ มีแนวโน้มจะผ่อนคลายและลดดอกเบี้ยเช่นกัน แต่อาจเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่แตกต่างกันไปตามความเหมาะสม ยกเว้นแต่ BOJ ที่ใช้นโยบายการเงินสวนทางกับตลาดโลกมาโดยตลอด จึงคาดว่าจะเริ่มปรับนโยบายการเงินให้เป็นปกติมากขึ้นในช่วงการประชุมนโยบายการเงินเดือนเมษายน 2024 โดยเริ่มจากการยกเลิกนโยบายดอกเบี้ยติดลบ และค่อยๆ ยกเลิกการทำ Yield Curve Control ในช่วงกลางปี 2024

 

ล่าสุดเมื่อช่วงต้นเดือนธันวาคมที่ผ่านมา เรียวโซ ฮิมิโนะ รองผู้ว่าการ BOJ ส่งสัญญาณว่า BOJ กำลังเข้าใกล้ ‘การเลิกใช้นโยบายดอกเบี้ยติดลบ’ ผ่านการเปิดเผยสมมติฐานที่อาจเกิดขึ้นหากอัตราดอกเบี้ยของญี่ปุ่นพลิกเป็นบวกจริงๆ แต่ก็ย้ำว่าจะใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลายต่อไปจนกว่าจะบรรลุเป้าหมายเงินเฟ้ออย่างยั่งยืน 

 

จับตาผลพวงเชิงนโยบายจากการเลือกตั้งในหลายประเทศ 

 

นอกจากเรื่องนโยบายการเงินแล้ว ปี 2024 ยังเป็นปีที่มีการเลือกตั้งเกิดขึ้นในหลายประเทศ และแน่นอนว่าที่ทั่วโลกต้องจับตาคือการเลือกตั้งในสหรัฐฯ ในเดือนพฤศจิกายน ซึ่งหากโดนัลด์ ทรัมป์ กลับมาครองตำแหน่งประธานาธิบดีอีกครั้ง ผลกระทบที่เกิดขึ้นจะยังไม่เกิดในปี 2024 แต่ปี 2025 จะเป็นปีที่ท้าทายมากขึ้น โดยทรัมป์อาจแข็งกร้าวต่อจีน และอาจกดดันให้ Fed ลดดอกเบี้ยในปี 2025 เหมือนที่เคยเกิดขึ้นแล้วในช่วงปี 2018-2019

 

 

 

เศรษฐกิจสหรัฐฯ ปี 2024 อาจโตเพียง 1% 

 

เศรษฐกิจสหรัฐฯ เข้าใกล้จุดสูงสุดแล้วในไตรมาส 3 ปี 2023 ซึ่ง GDP เติบโตได้ถึง 5.2% ปัจจัยสนับสนุนหลักมาจากภาคการบริโภค แต่แนวโน้ม GDP ไตรมาสสุดท้ายของปี 2023 คาดว่าจะชะลอตัวลง และมีแนวโน้มติดลบในช่วงครึ่งแรกของปี 2024 ซึ่งเป็นผลกระทบจากนโยบายการเงินที่เข้มงวดที่ส่งผ่านไปยังเศรษฐกิจ และเงื่อนไขการปล่อยสินเชื่อที่เข้มงวดขึ้น อีกทั้งภาวะดอกเบี้ยสูงก็ส่งผลกระทบต่อการลงทุนของภาคเอกชน ทั้งยังเกิดจากภาคครัวเรือนที่เงินออมส่วนเกินลดลง และการกลับมาจ่ายคืนหนี้เพื่อการศึกษา ซึ่งล้วนส่งผลกระทบต่อการบริโภคภาพรวมของสหรัฐฯ

 

UOB Privilege Banking คาดว่าอาจเกิด Technical Recession (GDP ติดลบติดต่อกัน 2 ไตรมาส) ในครึ่งแรกของปี 2024 อย่างไรก็ตาม การชะลอตัวลงนี้น่าจะเป็นการชะลอตัวแบบ Soft Landing ทำให้คาดการณ์ GDP รวมทั้งปี 2024 ยังเติบโตได้ 1% 

 

ในส่วนของเงินเฟ้อ UOB Privilege Banking คาดว่าจะลดลงอีกในปี 2024 โดยเงินเฟ้อทั่วไปคาดการณ์เฉลี่ยที่ 2% ด้านเงินเฟ้อพื้นฐานคาดที่ 2.2% แม้จะคาดการณ์ว่าเงินเฟ้อปรับตัวลง แต่ยังต้องจับตาหลายปัจจัยความเสี่ยงที่อาจกระทบเงินเฟ้อได้อีกครั้ง เช่น ค่าจ้างแรงงานที่อาจเพิ่มขึ้นจากตลาดแรงงานที่ตึงตัว การปรับตัวขึ้นของราคาพลังงานโลก และปัญหาด้านซัพพลายเชน

 

จับตา ‘นโยบายผ่อนคลาย’ จากจีน หลังเศรษฐกิจอ่อนแอลง

 

แม้ว่าข้อมูลทางด้านเศรษฐกิจจีนจะส่งสัญญาณเริ่มดีขึ้น แต่ความเชื่อมั่นยังเปราะบาง ในปี 2024 ภาคอสังหาริมทรัพย์ยังเป็นตัวฉุดอย่างมีนัยสำคัญ โดยเมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 2023 Moody’s บริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือชั้นนำระดับโลก ได้ตัดสินใจปรับลดเครดิตความน่าเชื่อถือทางการเงินของจีนจากระดับ ‘คงที่’ (Stable) ไปสู่ระดับ ‘ติดลบ’ (Negative) โดยแถลงการณ์ของ Moody’s อธิบายว่า การตัดสินใจปรับลดอันดับเครดิตของประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลกครั้งนี้ เป็นผลสืบเนื่องมาจากความกังวลว่าปริมาณหนี้มหาศาลในรัฐบาลท้องถิ่นจีนและวิกฤตในตลาดอสังหาจะส่งผลกระทบต่อการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของจีนในระยะกลางและระยะยาว 

 

ทั้งนี้ UOB Privilege Banking คาดว่าเศรษฐกิจจีนจะเติบโตได้ 4.5%ในปี 2024 คาดว่าจะมีนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจออกมาเพิ่มเติมเพื่อลดความเสี่ยง ซึ่งนโยบายดังกล่าวรวมถึงการลดดอกเบี้ยและลดสัดส่วนการกันสำรอง (Reserve Requirement Ratio: RRR) มาตรการผ่อนคลายภาคอสังหา และนโยบายการคลังที่เพิ่มมากขึ้น

 

ส่องตะกร้าสินทรัพย์ลงทุนปี 2024 ใครคือฮีโร่?

 

สำหรับการลงทุนในปี 2024 UOB Privilege Banking ยังคงแนะนำให้ ‘Stay Defensive’ กระจายการลงทุนเพื่อข้ามผ่านช่วงความไม่แน่นอนเชิงภูมิรัฐศาสตร์และการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก โดยสินทรัพย์ที่น่าลงทุนในปี 2024 เช่น

ตราสารหนี้คุณภาพดี (Investment Grade) เพื่อสร้างกระแสรายได้ (Income) ที่สม่ำเสมอ ทั้งนี้รวมไปถึงกองทุนรวมตราสารหนี้ทั่วโลก (Global Bond Fund), กองทุนผสม (Multi Asset) ที่มีการกระจายการลงทุนไปยังสินทรัพย์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นหุ้น ตราสารหนี้ หรือสินทรัพย์อื่นๆ เพื่อกระจายความเสี่ยง ทุกสินทรัพย์มีทั้งปีที่ดีและปีที่ไม่ดี เพื่อไม่พลาดโอกาสการลงทุนในทุกสภาวะตลาด

 

สำหรับผู้ที่รับความเสี่ยงได้เพิ่มสูงขึ้น แนะนำกระจายการลงทุนในกองทุนที่เน้นลงทุนในหุ้นปันผล เนื่องจากรายได้จากเงินปันผลจะช่วยสร้างผลตอบแทนรวมให้ดีขึ้น รวมไปถึงหุ้นกลุ่ม Quality Growth คัดเลือกหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดี งบการเงินแข็งแกร่งและมีโอกาสการเติบโตที่ดี นอกจากนี้กลุ่ม Defensive อย่าง Global Healthcare ถือเป็นหนึ่งในกลุ่มที่น่าสนใจลงทุน เนื่องจากรายได้ไม่ได้ผันผวนตามภาวะเศรษฐกิจ และยังมีปัจจัยขับเคลื่อนเชิงโครงสร้างระยะยาว เช่น สังคมผู้สูงอายุที่เพิ่มขึ้น นวัตกรรมยาและการรักษาที่มีการพัฒนาต่อเนื่อง ส่งผลให้หุ้นกลุ่มนี้ยังมีความน่าสนใจในระยะยาว 

 

ในฐานะธนาคารชั้นนำระดับภูมิภาค UOB พร้อมยกระดับการลงทุนของลูกค้าไปสู่ Global Investor ผ่านการลงทุนในสินทรัพย์ต่างประเทศโดยตรง (Offshore Investment) เช่น กองทุนรวมที่สามารถลงทุนโดยตรงในต่างประเทศ และตราสารหนี้คุณภาพดี ซึ่งจะช่วยเพิ่มโอกาสในการลงทุนที่หลากหลายมากขึ้น และนักลงทุนจะได้กระจายการลงทุน ไม่เพียงแค่สินทรัพย์ แต่ได้กระจายสกุลเงินในการลงทุนไปสู่เงินดอลลาร์สหรัฐซึ่งเป็นเงินสกุลหลักของโลก 

 

ทั้งนี้ นักลงทุนสามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติม หรือติดต่อที่ปรึกษาทางการเงิน (Client Advisor) ของ UOB Privilege Banking ได้ที่ โทร. 0 2081 0999 หรือคลิก www.uob.co.th/privilegebanking

 

อ้างอิง:

  • UOB Global Economics & Markets Research, Quarterly Global Outlook 1Q2024

 

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising