×

สภารับทราบรายงาน กมธ.บุหรี่ไฟฟ้า เสนอ 3 แนวทาง เน้นป้องเยาวชน เตรียมส่ง ครม. พิจารณาต่อ

โดย THE STANDARD TEAM
21.03.2025
  • LOADING...
บุหรี่ไฟฟ้า

วานนี้ (20 มีนาคม) ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรครั้งที่ 25 สมัยสามัญประจำปี ครั้งที่ 2 วันที่ 20 มีนาคม ซึ่งมีวาระรับทราบรายงานของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษากฎหมายและมาตรการควบคุมกำกับบุหรี่ไฟฟ้าในประเทศไทย โดยในช่วงแรก ภราดร ปริศนานันทกุล รองประธานสภาคนที่ 2 ทำหน้าที่ดำเนินการประชุม 

 

ทั้งนี้ ที่ประชุมได้เปิดโอกาสให้คณะกรรมาธิการวิสามัญฯ นำโดย นิยม วิวรรธนะดิฐกุล ประธานคณะกรรมการวิสามัญฯ รายงานผลการศึกษาวิเคราะห์ผลกระทบจากบุหรี่ไฟฟ้าในด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องผลกระทบต่อสุขภาพ สังคม และเศรษฐกิจ ซึ่งนิยมได้ชี้แจงว่ารายงานนี้ผ่านการพิจารณาด้วยความรอบคอบเป็นกลาง 

 

ด้วยการเชิญหน่วยงาน องค์กร บุคคล มาให้ข้อมูลข้อเท็จจริงต่างๆ และรับฟังความคิดเห็นจากผู้เกี่ยวข้องในทุกภาคส่วน ได้แก่ กระทรวงการคลัง กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงสาธารณสุข กองทุนสนับสนุนการเสริมสร้างสุขภาพแห่งชาติ การยาสูบแห่งประเทศไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ องค์การอนามัยโลก สถาบันด้านการแพทย์ รวมทั้งภาคประชาชนผู้ได้รับผลกระทบจากมาตรการห้ามบุหรี่ไฟฟ้าในปัจจุบัน พร้อมระบุว่ารายงานนี้เป็นรายงานที่ศึกษาตามบริบทของประเทศไทย โดยเฉพาะการระบาดในเด็กเยาวชนในสังคมปัจจุบัน

 

ต่อมา นพ.ภูมิมินทร์ ลีธีระประเสริฐ หนึ่งในกรรมาธิการฯ ได้นำเสนอแนวทางในการกำหนดนโยบายและการดำเนินงานของรัฐบาลเกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้าเป็น 3 แนวทาง ได้แก่ 

 

แนวทางที่ 1: บุหรี่ไฟฟ้า และผลิตภัณฑ์ยาสูบแบบให้ความร้อน (Heated Tobacco Products) ทุกประเภท เป็นสิ่งที่ผิดกฎหมาย โดยเน้นที่การแก้ไขกฎหมายที่มีอยู่หรือออกกฎหมายใหม่ เพื่อห้ามการผลิต นำเข้า จำหน่าย และครอบครองบุหรี่ไฟฟ้า ซึ่งจะช่วยลดผลกระทบทางสุขภาพ ปรับปรุงการบังคับใช้ให้เข้มงวดมากขึ้น

 

แนวทางที่ 2: ผลิตภัณฑ์ยาสูบแบบให้ความร้อน (Heated Tobacco Products: HTPs) เป็นสิ่งที่ถูกควบคุมตามกฎหมาย โดยการแก้ไขกฎหมายเพื่อควบคุมภายใต้กฎหมายที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็น ประกาศกระทรวงพาณิชย์ คำสั่งคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ออกกฎกระทรวงต่างๆ เพื่อควบคุม ไปจนถึงการโฆษณา การนำเข้าขาย มาตรฐานผลิตภัณฑ์ แก้ไขกฎหมายเกี่ยวกับการนำเข้าศุลกากร ระเบียบกรมสรรพสามิต ช่วยให้กฎหมายมีประสิทธิภาพ เป็นทางเลือกของประชาชน ช่วยเหลือเกษตรกรที่ปลูกยาสูบ การแปรรูปผลผลิต และออกมาตรการการป้องกันการเข้าถึงของเยาวชน

 

แนวทางที่ 3: บุหรี่ไฟฟ้า และผลิตภัณฑ์ยาสูบแบบให้ความร้อน (Heated Tobacco Products) ยกเว้น toy pod ให้เป็นสิ่งที่ถูกควบคุมตามกฎหมาย โดยมีการแก้ไขกฎหมายเพื่อให้สามารถนำเข้า ผลิต และจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าได้ภายใต้การควบคุม ทั้งกฎกระทรวง ภาษีสรรพสามิต ซึ่งจะช่วยให้รัฐสามารถจัดเก็บภาษี และควบคุมมาตรฐานผลิตภัณฑ์ได้ เป็นทางเลือกให้ประชาชน ลดการทุจริตคอร์รัปชันจากช่องว่างทางกฎหมาย แต่ก็ต้องมีมาตรการป้องกันการเข้าถึงของเด็กและเยาวชนอย่างเข้มงวด

 

ประธานในที่ประชุมได้เปิดให้มี สส. อภิปราย โดย ลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจ สส. พรรคเพื่อไทยกล่าวถึงความน่ากังวลของบุหรี่ไฟฟ้าในหมู่เยาวชน โดยกล่าวว่า แม้ประเทศไทยจะมีกฎหมายห้ามการนำเข้าและจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าแล้ว แต่จำนวนผู้ใช้กลับเพิ่มขึ้น 10 เท่าในระยะเวลาเพียง 1 ปี 

 

“ขอชื่นชมนายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร ที่ออกมาตรการเข้มงวดภายใน 30 วัน ส่งผลให้มีการจับกุมกว่า 1,000 คดี ซึ่งมากกว่าสถิติการจับกุมปีที่ผ่านมาทั้งปี และขอขอบคุณ กมธ. ที่นำเสนอแนวทางแก้ไขวิกฤติบุหรี่ไฟฟ้าอย่างจริงจัง ดิฉันเห็นด้วยกับแนวทางที่ 2 และ 3 แต่สิ่งสำคัญควรให้ความรู้แก่เด็กและเยาวชนเป็นสิ่งจำเป็นควบคู่ไปกับการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด” 

 

ลิณธิภรณ์ทิ้งท้ายว่าวิกฤตสุขภาพจากบุหรี่ไฟฟ้าในวันนี้เป็นโอกาสของประเทศในการจะแก้ไขกฎหมายให้มีความชัดเจน

 

ต่อมา ธีระชัย แสนแก้ว สส. พรรคเพื่อไทย เสริมว่า “บุหรี่ไฟฟ้ากำลังเป็นปัญหาที่แพร่ระบาดในสังคม โดยเฉพาะในหมู่เยาวชน แม้ว่าจะมีการกล่าวว่าบุหรี่ไฟฟ้าเป็นทางเลือกที่ปลอดภัยกว่าการสูบบุหรี่ แต่ก็ยังคงมีอันตรายต่อสุขภาพ จึงขอเสนอให้รัฐบาลบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด และเรียกร้องให้มีมาตรการยึดทรัพย์ผู้นำเข้าบุหรี่ไฟฟ้า”

 

ด้าน ภัณฑิล น่วมเจิม สส. กทม. พรรคประชาชน ชี้ให้เห็นถึงปัญหาการบังคับใช้กฎหมายที่ล้มเหลว โดยบุหรี่ไฟฟ้ายังคงขายเกลื่อนตามร้านค้าข้างทางและออนไลน์ นอกจากนี้ยังมีปัญหาเรื่องพื้นที่ห้ามสูบที่ไม่ได้รับการจัดการอย่างจริงจัง 

 

ทรงยศ รามสูต สส. น่าน พรรคเพื่อไทย ได้ลุกขึ้นเสนอความเห็นว่า “ยาสูบเป็นพืชเศรษฐกิจที่สำคัญของจังหวัดน่าน แต่ระยะหลังนี้อุตสาหกรรมถดถอยลงไปมาก เนื่องจากบุหรี่เถื่อนและบุหรี่ไฟฟ้าระบาดมากขึ้น รัฐบาลก่อนหน้านี้ไม่เคยเอาจริงเอาจังกับการปราบปรามบุหรี่ไฟฟ้า แต่รัฐบาลนายกฯ แพทองธารเดินหน้าอย่างจริงจัง ซึ่งต้องขอชื่นชม และเห็นด้วยกับข้อเสนอในรายงานของ กมธ. ชุดนี้ ว่าควรต้องมีการปรับปรุงกฎหมายบุหรี่ไฟฟ้าให้มีความเฉพาะ ควบคุมการนำเข้า การเสพ การครอบครอง รวมทั้ง กำหนดพื้นที่ที่เหมาะสมเฉพาะสำหรับการใช้บุหรี่ไฟฟ้า รวมถึงที่สภาแห่งนี้เองด้วย”

 

ด้าน ปรีติ เจริญศิลป์ สส. นนทบุรี พรรคประชาชน ระบุว่าเห็นด้วยกับแนวทางที่ 3 เช่นเดียวกับเสียง กมธ. ส่วนใหญ่ เพราะการแบนบุหรี่ไฟฟ้าไม่สามารถควบคุมปัญหาได้จริง แต่การควบคุมอย่างถูกกฎหมายพร้อมมีมาตรการที่ชัดเจน เช่น ห้ามพอดการ์ตูน ห้ามทำโฆษณาโปรโมชั่น และห้ามใช้ในที่สาธารณะ เป็นต้น จะสามารถแก้ปัญหาได้ 

 

พร้อมยกตัวอย่างประเทศที่ใช้มาตรการควบคุมแทนการแบน เช่น สหรัฐฯ และสหภาพยุโรป ที่สามารถกำกับคุณภาพและปกป้องผู้ไม่สูบบุหรี่ได้โดยไม่ลิดรอนสิทธิของผู้สูบบุหรี่ ทั้งนี้ ปรีติยังทิ้งท้ายด้วยการตั้งคำถามถึงจุดยืนของนายกฯ แพทองธารที่เคยสนับสนุนบุหรี่ไฟฟ้าถูกกฎหมายก่อนเลือกตั้ง แต่ปัจจุบันกลับสั่งปราบปราม

 

นอกจากนี้ ยังมี สส. อีกหลายท่านได้แสดงความคิดเห็นไปในทิศทางเดียวกันว่า การปราบปรามเป็นมาตรการเร่งด่วนที่จำเป็น เพราะบุหรี่ไฟฟ้ากำลังเป็นภัยต่อประเทศชาติ แต่ในระยะยาว ประเทศไทยต้องมีกฎหมายที่ชัดเจนในการควบคุมบุหรี่ไฟฟ้าเพื่อลดปัญหาตลาดมืดและปกป้องสุขภาพของประชาชนโดยเฉพาะเด็กและเยาวชนซึ่งเป็นอนาคตของชาติ

 

ในช่วงท้ายของการประชุม นิยม วิวรรธนะดิฐกุล ประธานคณะกรรมการวิสามัญฯ ได้กล่าวสรุปว่า บุหรี่ไฟฟ้าเป็นปัญหาที่ยิ่งใหญ่ ต้องอาศัยความร่วมมือกับทุกฝ่าย เพราะเรามุ่งมั่นที่จะปกป้องเด็กและเยาวชนต่อบุหรี่ไฟฟ้า รัฐบาลที่กำลังปราบปรามเป็นสิ่งดี แต่อยากให้ทำต่อไป ด้วยการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง รวมไปถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง การสร้างความตระหนักรู้กับเด็กและเยาวชน โดยเฉพาะกระทรวงศึกษาธิการต้องเน้นย้ำให้มากขึ้น พร้อมตั้งประเด็นว่าปัญหาเกี่ยวกับการควบคุมบุหรี่ไฟฟ้าควรมี พ.ร.บ.ที่ควบคุมอย่างชัดเจนได้แล้วหรือไม่ จึงฝากรัฐบาลและฝ่ายบริหารนำผลการศึกษาและการอภิปรายในครั้งนี้ไปศึกษาต่อไป 

 

หลังจากนั้นสภาได้มีมติรับทราบรายงานและข้อสังเกตของ กมธ. ก่อนปิดการประชุม

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising