×

กลุ่มดุสิตธานีเปิดผลดำเนินงาน Q3 รายได้ลด 60% ขาดทุน 343 ล้าน มั่นใจ Q4 ท่องเที่ยวคึกคัก เริ่มฟื้นตัวชัดเจน

โดย THE STANDARD TEAM
19.11.2020
  • LOADING...
กลุ่มดุสิตธานีเปิดผลดำเนินงาน Q3 รายได้ลด 60% ขาดทุน 343 ล้าน มั่นใจ Q4 ท่องเที่ยวคึกคัก เริ่มฟื้นตัวชัดเจน

กลุ่มดุสิตธานี หรือ บริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) (DTC) รายงานผลประกอบการไตรมาส 3/63 (กรกฎาคม-กันยายน) โดยพบว่ามีรายได้รวมทั้งสิ้น 643 ล้านบาท ลดลงจาก 60.3% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว โดยขาดทุนสุทธิรวมทั้งสิ้น 343 ล้านบาท ลดลงจากปีที่แล้วมากถึงกว่า 569.9%

 

เมื่อนับรวมผลการดำเนินงานในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2563 กลุ่มดุสิตธานีมีรายได้รวมทั้งสิ้น 2,289 ล้านบาท ลดลงจากปีที่แล้วอย่างเห็นได้ชัดที่ 47% และขาดทุนสุทธิ 878 ล้านบาท ลดจากช่วง 9 เดือนแรกของปี 2562 ที่ 1821.6%

 

สาเหตุหลักที่ทำให้ตัวเลขรายได้และกำไรของดุสิตธานีลดลงอย่างเห็นได้ชัด เป็นผลมาจากการระบาดของโควิด-19 ที่ทำให้ธุรกิจโรงแรมและร้านอาหารได้รับผลกระทบรุนแรง อย่างไรก็ดี กลุ่มดุสิตธานีระบุว่า ในช่วงไตรมาส 3 นี้ ผลประกอบการของบริษัทเริ่มส่งสัญญาณ ‘การฟื้นตัว’ อย่างเห็นได้ชัด เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า

 

โดยมีรายได้รวมเพิ่มขึ้นเป็น 643 ล้านบาท (ในขณะที่ไตรมาส 2/63 มีรายได้ 424 ล้านบาท) จากการที่เริ่มกลับมาทะยอยเปิดให้บริการโรงแรม และการเพิ่มขึ้นของอัตราการเข้าพักและรายได้เฉลี่ยต่อห้อง ขณะที่ธุรกิจการศึกษาก็เริ่มมีแนวโน้มที่ดีขึ้น จากการกลับมาเปิดการสอนของโรงเรียนสอนการประกอบอาหาร 

 

ขณะที่ธุรกิจอาหารมีรายได้เพิ่มขึ้นจากการเข้าลงทุนใน The Caterers ในประเทศเวียดนาม ตามแผนการขยายธุรกิจของบริษัท เอ็บเพอคิวร์ เคเทอริ่ง

(Epicure Catering) หลังจากที่ได้ชะลอการเข้าลงทุนตั้งแต่เดือนมีนาคม 2563 โดยการลงทุนดังกล่าวเป็นไปตามสัญญาซื้อขายหุ้นที่ได้ลงนามในเดือนมกราคม 2563 ซึ่งเป็นช่วงเวลาก่อนการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทั่วโลก 

 

นอกจากนี้ EBITDA ของบริษัทยังมีแนวโน้มที่ดีขึ้น โดยติดลบน้อยลงในไตรมาส 3/63 ที่ติดลบ 53 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาส 2/563 ที่ติดลบ 207 ล้านบาท จากการลดลงของค่าใช้จ่าย ซึ่งเป็นผลจากการควบคุมต้นทุนและค่าใช้จ่ายอย่างเข้มงวดตั้งแต่ปลายไตรมาส 1 เป็นไปตามการปรับแผนธุรกิจและโครงสร้างองค์กร 

 

ศุภจี สุธรรมพันธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม กลุ่มดุสิตธานี เปิดเผยว่า แม้ว่าผลประกอบการในไตรมาสที่ 3 ของปีนี้จะมีผลขาดทุนสุทธิ 343 ล้านบาท เมื่อเทียบกับกำไรสุทธิ 73 ล้านบาทในช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่เมื่อพิจารณาผลประกอบการเทียบไตรมาสต่อไตรมาส (QoQ) บริษัทเริ่มเห็นสัญญาณฟื้นตัวของธุรกิจชัดเจนมากขึ้นในไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ โดยเฉพาะรายได้รวมที่กลับมาเพิ่มถึง 51.65% จากไตรมาสที่ 2 ซึ่งเป็นผลจากการที่ธุรกิจสามารถทยอยกลับมาให้บริการต่างๆ ได้อีกครั้ง

 

“หลังจากปีนี้เราได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19

ตั้งแต่ช่วงปลายไตรมาสแรกต่อเนื่องถึงไตรมาสที่ 2 แบบเต็มไตรมาส

ทำให้รายได้จากการขายและการบริการลดลง แต่ในไตรมาสที่ 3

สัญญาณการฟื้นตัวชัดเจนขึ้น ทั้งจากธุรกิจโรงแรมที่เริ่มมีอัตราการเข้าพักและรายได้เฉลี่ยต่อห้องเพิ่มขึ้น ขณะที่ธุรกิจการศึกษาเริ่มมีแนวโน้มที่ดีขึ้นจากการกลับมาเปิดการสอนของโรงเรียนสอนการประกอบอาหาร

 

และธุรกิจอาหารก็มีรายได้เพิ่มขึ้นจากการเข้าลงทุนใน The Caterers

ในประเทศเวียดนามตามแผนการขยายธุรกิจของบริษัท เอ็บเพอคิวร์ เคเทอริ่ง

(Epicure Catering) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่กลุ่มดุสิตธานีเข้าไปถือหุ้น” ศุภจีกล่าว

 

สำหรับในไตรมาสที่ 4 ซึ่งเป็นไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ กลุ่มดุสิตธานีเชื่อว่า ภาพรวมธุรกิจจะทยอยฟื้นตัว เนื่องจากเป็นช่วงฤดูกาลท่องเที่ยว ส่งผลให้นักท่องเที่ยวเริ่มเดินทางมากขึ้นจากการผ่อนคลายมาตรการของภาครัฐ โดยที่ผ่านมา กลุ่มดุสิตธานีได้นำเสนอกลยุทธ์การขายและแนวทางการทำตลาดใหม่ๆ ที่สอดคล้องกับมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวของภาครัฐ รวมถึงมีแผนที่จะเปิดโรงแรมใหม่ที่ประเทศสิงคโปร์ภายใต้สัญญารับจ้างบริหาร ซึ่งจะทำให้จำนวนโรงแรมที่เปิดในปีนี้ครบ 5 แห่งตามแผนที่วางไว้

 

โดยปัจจุบันได้เปิดไปแล้ว 4 แห่ง ได้แก่ โรงแรมดุสิตดีทู ซัลวา โดฮา

ประเทศกาตาร์ เมื่อเดือนมีนาคม, โรงแรมดุสิตธานี กวม รีสอร์ท ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อเดือนมิถุนายน, โรงแรมดุสิตธานี เวลเนส รีสอร์ท ที่เมืองซูโจว ประเทศจีน เมื่อเดือนกรกฎาคม และโรงแรมอาศัย กรุงเทพฯ ไชน่าทาวน์ เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา

 

ขณะที่ความคืบหน้าโครงการอสังหาริมทรัพย์มิกซ์ยูส ‘ดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค’

มีการเปิดเผยว่าอยู่กำลังอยู่ในระหว่างขั้นตอนการก่อสร้างและการดำเนินการโครงสร้างใต้ดิน (Sub-Structure) ซึ่งได้ประมูลผู้รับเหมาหลัก และสามารถสรุปการขายและทยอยลงนามในสัญญาไปแล้วบางส่วน

 

“ต้องยอมรับว่า แม้ผลประกอบการในไตรมาสที่ 3 และงวด 9 เดือนแรกของปีนี้ยังมีผลขาดทุนสุทธิ แต่ภาพรวมของธุรกิจถือว่าน่าพอใจ โดยเฉพาะเราได้ผ่านช่วงเวลายากลำบากที่สุดมาแล้วจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 หลังจากนี้ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการแพร่ระบาด ความรู้ความเข้าใจในการดูแลตัวเองของประชาชน รวมถึงความคืบหน้าในการพัฒนาวัคซีน จะมีแนวโน้มที่ดีขึ้น 

 

แม้ว่ากลุ่มดุสิตธานีจะได้รับผลกระทบอย่างหนัก แต่เราใช้สถานการณ์นี้เป็นโอกาสในการใช้เวลาที่ทุกอย่างหยุดชะงัก กลับมาจัดการปรับโครงสร้างองค์กร วางแผนการทำงาน วางแผนการตลาดให้สอดรับกับการเปลี่ยนแปลงหลังโควิด-19 ซึ่งผลลัพธ์ก็คือ การสร้างความแข็งแกร่งให้กับโครงสร้างองค์กร ทำให้การทำงานมีประสิทธิภาพและมีเป้าหมายที่ชัดเจน ซึ่งสุดท้ายจะสะท้อนผ่านความแข็งแกร่งของฐานะการเงินของกลุ่มดุสิตธานีที่จะเติบโตได้อย่างยั่งยืนในอนาคต” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม กลุ่มดุสิตธานีกล่าว

 

พิสูจน์อักษร: วรรษมล สิงหโกมล

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising