ดุสิตธานี เตรียมนำบริษัทลูกด้านอาหารเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ภายใน 18 เดือนข้างหน้า เพื่อระดมทุนสำหรับการขยายธุรกิจอาหาร ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนการเติบโตอย่างยั่งยืนของบริษัท
ศุภจี สุธรรมพันธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) ยืนยันในการสัมภาษณ์กับ Nikkei Asia ว่า บริษัทมีความพร้อมที่จะยื่นไฟลิ่งสำหรับการเสนอขายหุ้น IPO ภายในปี 2568 หรือต้นปี 2569 แม้ว่าคณะกรรมการบริษัทเคยระบุว่าต้องการจะนำธุรกิจอาหารเข้าตลาดหลักทรัพย์ในช่วงปลายปี 2567 หรือต้นปี 2568
ธุรกิจอาหารของดุสิตธานีเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยในไตรมาสแรกของปี 2567 มีรายได้เติบโต 33% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า เป็น 1.66 พันล้านบาท และบริษัทตั้งเป้าหมายรายได้ 2.5 พันล้านบาทภายในปี 2570
เพื่อบรรลุเป้าหมายนี้ ดุสิตธานีมีแผนที่จะขยายธุรกิจเบเกอรีและการทำอาหารสำหรับสายการบิน ซึ่งเป็นธุรกิจที่มีศักยภาพในการเติบโตสูง
ในอดีต รายได้ของดุสิตธานีมาจากธุรกิจโรงแรมเป็นหลัก คิดเป็นสัดส่วนถึง 90% ของรายได้ทั้งหมด แต่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา บริษัทได้ปรับกลยุทธ์สู่ความหลากหลายมากขึ้น โดยในปีที่แล้ว ธุรกิจโรงแรมคิดเป็น 68.5% ของรายได้รวม 6.4 พันล้านบาท ในขณะที่ธุรกิจอาหารมีสัดส่วน 19.3%
การเปลี่ยนแปลงกลยุทธ์นี้ช่วยให้ผลประกอบการของกลุ่มฟื้นตัวขึ้นอย่างมาก หลังจากที่ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการระบาดของโควิด โดยในช่วงครึ่งแรกของปี 2567 บริษัทมีผลขาดทุนสุทธิเพียง 9 ล้านบาท เมื่อเทียบกับ 177 ล้านบาทในช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า
ศุภจียังได้กล่าวถึงการเปิดตัวอย่างไม่เป็นทางการของโครงการดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค ซึ่งเป็นโครงการอสังหาริมทรัพย์แบบมิกซ์ยูสมูลค่า 4.6 หมื่นล้านบาท บนพื้นที่เดิมของโรงแรมดุสิตธานีใจกลางกรุงเทพฯ ซึ่งได้ร่วมทุนกับบริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือ CPN
อาคารแรกที่จะเปิดให้บริการในโครงการนี้คือโรงแรมขนาด 257 ห้อง ตามมาด้วยอาคารสำนักงาน ศูนย์การค้า และที่พักอาศัย ศุภจีกล่าวว่า “นี่คือโครงการแฟลกชิปของเรา โดยเป้าหมายของเราคือการวางตำแหน่งให้แข็งแกร่งในตลาดลักชัวรี”
ดุสิตธานีตั้งเป้าหมายที่จะมีโรงแรม 100 แห่งภายใน 3-4 ปีข้างหน้า โดยส่วนใหญ่จะเป็นโรงแรมใหม่ในเอเชียและยุโรป ปัจจุบันบริษัทมีโรงแรมที่อยู่ระหว่างการพัฒนาแล้ว 60 แห่ง และกำลังจะเริ่มก่อสร้างในเร็วๆ นี้
ภาพ: THE STANDARD
อ้างอิง: