×

Dune กับ 5 เรื่องราวนิยาย Sci-Fi ระดับตำนาน และความฝันที่กลายเป็นจริงของผู้กำกับ Denis Villeneuve

12.10.2021
  • LOADING...
Dune

ใกล้เข้ามาทุกทีแล้วที่เหล่าคอภาพยนตร์จะได้ร่วมออกเดินทางสู่ดาวอาร์ราคิสที่ห้อมล้อมไปด้วยทะเลทรายอันกว้างใหญ่ใน Dune ภาพยนตร์ Sci-Fi เรื่องล่าสุดของผู้กำกับ Denis Villeneuve ซึ่งดัดแปลงมาจากนิยาย Sci-Fi ระดับตำนานในชื่อเดียวกันของ Frank Herbert ที่มีกำหนดเข้าฉายวันที่ 21 ตุลาคมนี้ ในโรงภาพยนตร์

 

ก่อนที่ทุกคนจะได้ไปสัมผัสกับเรื่องราวเหนือจินตนาการไปพร้อมกับสองนักแสดงนำอย่าง Timothée Chalamet และ Zendaya THE STANDARD POP จะพาทุกคนย้อนชม 5 เรื่องราวของนิยาย Sci-Fi ระดับตำนานเรื่องนี้ และความฝันที่กลายเป็นจริงของผู้กำกับ Denis Villeneuve 

 

Dune

 

  1. จุดเริ่มต้นของนิยาย Sci-Fi ระดับตำนาน Dune

ย้อนเวลากลับไปก่อนที่จักรวาล Dune จะถือกำเนิด ในช่วงปี 1950 กระทรวงเกษตรสหรัฐอเมริกา (the United States Department of Agriculture) ได้ค้นพบกับเนินทรายออริกอน (The Oregon Dunes) เนินทรายขนาดยักษ์ในแถบชายฝั่งของเมืองฟลอเรนซ์ รัฐออริกอน ซึ่งมีโอกาสที่จะถูกลมพัดและไปทับถมสร้างความเสียหายแก่บริเวณโดยรอบได้ ทีมงานของกระทรวงเกษตรสหรัฐอเมริกาจึงเข้าไปทดลองปลูกหญ้าชนิดต่างๆ ในบริเวณดังกล่าว เพื่อป้องกันการเคลื่อนไหวของเนินทราย

 

กระทั่งในปี 1957 Frank Herbert ได้ตัดสินใจเดินทางไปยังเมืองฟลอเรนซ์ เพื่อศึกษาวิจัยเกี่ยวกับการปลูกหญ้าของกระทรวงเกษตรสหรัฐอเมริกาในชื่อบทความว่า They Stopped the Moving Sands ซึ่งแม้ว่าในท้ายที่สุดบทความของเขาจะไม่ได้รับการเผยแพร่ แต่หลังจากที่เขาได้เห็นความยิ่งใหญ่ของเนินทรายออริกอนที่เปรียบเสมือนคลื่นยักษ์ที่พร้อมจะทำลายทุกสิ่งที่ขวางหน้า ก็จุดประกายให้เขาลงมือเขียนเรื่องราวของมหาสงครามบนดาวอาร์ราคิสที่ห้อมล้อมไปด้วยทะเลทราย  

 

Frank Herbert ใช้เวลาในการค้นคว้าข้อมูลและลงมือเขียนนิยายเรื่อง Dune นานกว่า 5 ปี ก่อนที่จะออกมาเป็นนิยายจำนวน 2 ตอน ในชื่อ Dune World (1963) และ The Prophet of Dune (1965) ซึ่งตีพิมพ์บนนิตยสาร Sci-Fi ชื่อ Analog Science Fiction and Fact และในปีเดียวกันก็ได้ออกตีพิมพ์ในฉบับหนังสือนิยายเล่มแรกในชื่อ Dune และออกนิยายภาคต่อตามมาอีกจำนวน 5 เล่ม ได้แก่ Dune Messiah (1969), Children of Dune (1976), God Emperor of Dune (1981), Heretics of Dune (1984) และ Chapterhouse: Dune (1985)

 

หลังจากที่ Dune เล่มแรกออกวางจำหน่าย ก็ได้รับเสียงชื่นชมจากผู้อ่านอย่างล้นหลาม และส่งผลให้นิยายเรื่องนี้ได้รับรางวัล Nebula Awards และรางวัล Hugo Awards ในสาขานิยายยอดเยี่ยม มาได้สำเร็จในปี 1966 และสามารถทำยอดขายรวมทั่วโลกไปกว่า 20 ล้านก๊อบปี้ จนได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งในนิยาย Sci-Fi ที่ดีที่สุดตลอดกาล 

 

Dune

 


  1. Dune เรื่องราวของเด็กหนุ่มผู้กุมชะตากรรมของผู้คนบนดวงดาวแห่งทะเลทราย  

Dune บอกเล่าเรื่องราวของ Paul Atreides บุตรชายแห่งตระกูล Atreides ที่ต้องออกเดินทางตาม Leto Atreides ผู้เป็นพ่อและผู้นำตระกูล ไปยังดาวอาร์ราคิสที่ห้อมล้อมไปด้วยทะเลทรายตามคำสั่งของจักรพรรดิ์ Padishah เพื่อปกครองดวงดาว พร้อมกับการตามหา Spice ทรัพยากรที่ล้ำค่ามากที่สุดในจักรวาล ซึ่งอยู่ภายในดาวอาร์ราคิส มาครอบครอง 

 

แต่แล้วชนวนของสงครามก็เริ่มต้นขึ้น เมื่อกองทัพของตระกูล Harkonnen ที่ต้องการครอบครอง Spice เช่นเดียวกัน ได้ยกกองทัพเข้าโจมตี เพื่อหมายจะยึดครองดาวอาร์ราคิส Paul จึงต้องร่วมมือกับ Chani หญิงสาวชาว Fremen ที่อาศัยอยู่บนดาวอาร์ราคิส เพื่อช่วยเหลือครอบครัวและผู้คนบนดาวอาร์ราคิสจากน้ำมือของตระกูล Harkonnen 

 

Dune

 

  1. จินตนาการสุดล้ำที่ถูกส่งต่อมาถึงภาพยนตร์ Sci-Fi ชื่อดัง

Dune นับว่าเป็นนิยาย Sci-Fi ระดับขึ้นหิ้งที่มีอิทธิพลต่อภาพยนตร์ Sci-Fi หลายเรื่อง ทั้งในแง่ของไอเดีย โครงเรื่อง การออกแบบงานสร้าง เช่น Nausicaä of the Valley of the Wind (1984) ภาพยนตร์อนิเมะของผู้กำกับ Hayao Miyazaki ซึ่งมีเนื้อหาที่กล่าวถึงการล่าอาณานิคมและแมลงยักษ์อย่าง ‘โอมุ’ ที่มีความคล้ายคลึงกับหนอนทะเลทราบยักษ์บนดาวอาร์ราคิส 

 

Alien (1979) ของผู้กำกับ Ridley Scott ซึ่งแม้ว่าภาพยนตร์เรื่องนี้จะไม่ได้รับอิทธิพลมาจากนิยายเรื่อง Dune โดยตรง แต่สำหรับ H.R. Giger ผู้เป็นหนึ่งในทีมออกแบบตัวละคร Xenomorph นับว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับนิยายเรื่อง Dune อย่างมาก เนื่องจาก H.R. Giger คือหนึ่งในทีมงานออกแบบงานสร้างคนสำคัญของผู้กำกับ Alejandro Jodorowsky ที่หมายมั่นจะสร้างภาพยนตร์เรื่อง Dune ความยาว 14 ชั่วโมงขึ้นมา ซึ่งแม้ว่าในเวลาต่อมาโปรเจกต์นี้จะถูกยุบลงไป แต่การได้มีส่วนร่วมในการดัดแปลงนิยายเรื่อง Dune ให้กลายเป็นภาพยนตร์นั้นได้ส่งอิทธิพลต่องานออกแบบของ H.R. Giger ในภาพยนตร์เรื่อง Alien และผลงานอื่นๆ ในยุคต่อมาอย่างมาก 

 

อีกหนึ่งตัวอย่างที่ชัดเจนไม่แพ้กันคือ มหากาฬสงครามแห่งจักรวาลอย่าง Star Wars ของผู้กำกับ George Lucas ไล่เรียงตั้งแต่โครงเรื่องที่อัดแน่นไปด้วยประเด็นการเมือง ปรัชญา และศาสนา สภาพแวดล้อมของดาวทาทูอินที่ห้อมล้อมไปด้วยทะเลทราย รวมถึงเรื่องราวของกลุ่มตัวละครหลักที่ต้องเผชิญหน้ากับกองทัพของกลุ่มผู้ปกครองระดับจักรวาล

 

Dune

 

  1. Denis Villeneuve กับความใฝ่ฝันวัยเด็กที่กลายเป็นจริง

หากจะพูดถึงภาพยนตร์ที่ดัดแปลงมาจากนิยายเรื่อง Dune หลายคนอาจจะคิดถึงภาพยนตร์สุดทะเยอทะยานของผู้กำกับ David Lynch ที่ออกฉายในปี 1984 ซึ่งค่อนข้างได้รับเสียงตอบรับจากทั้งนักวิจารณ์และผู้ชมไปในทางลบเป็นส่วนใหญ่ จนทำให้ภาพยนตร์ทำรายได้ไปเพียง 31 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จากทุนสร้างที่สูงถึง 40 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แต่สำหรับผู้กำกับอย่าง Denis Villeneuve แล้ว นิยายเรื่อง Dune รวมถึงฉบับภาพยนตร์ของ David Lynch นับว่าเป็นผลงานที่จุดประกายความฝันในวัยเด็กให้แก่เขา

 

Denis Villeneuve ได้ก้าวเข้าสู่โลกของ Dune เป็นครั้งแรกในวัย 12 ปี ซึ่งเรื่องราวเหนือจินตนาการของ Frank Herbert ก็ทำให้เขากลายเป็นแฟนตัวยงของนิยายเรื่องนี้ในทันที และเมื่อ Dune ฉบับภาพยนตร์ของ David Lynch เข้าฉาย เขาก็ไม่พลาดที่จะซื้อตั๋วไปรับชมเรื่องราวที่เขาหลงรักในโรงภาพยนตร์ ซึ่งแม้ว่าในท้ายที่สุดเขาจะออกมายอมรับว่า ตนเองก็ไม่ได้ชื่นชอบภาพยนตร์เรื่องนี้เท่าไรนัก แต่ด้วยวิสัยทัศน์สุดทะเยอทะยานของ David Lynch ก็ได้จุดประกายความฝันอันแรงกล้าที่อยากจะหยิบนำเรื่องราวสุดล้ำของ Dune มาดัดแปลงเป็นภาพยนตร์ด้วยตัวเอง 

 

จนกระทั่งเวลาล่วงเลยมานานกว่า 10 ปี Denis Villeneuve ที่ขัดเกลาฝีมือการกำกับของตัวเองจนเริ่มกลายเป็นที่รู้จักผ่านภาพยนตร์ดราม่าเรื่องเยี่ยม เช่น Incendies (2010), Prisoners (2013) และ Sicario (2015) ในที่สุดเขาก็ได้รับโอกาสในการโชว์วิสัยทัศน์สุดล้ำของตัวเองให้ผู้ชมทั่วโลกได้สัมผัสผ่านภาพยนตร์ Sci-Fi เหนือจินตนาการอย่าง Arrival (2016) ที่ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ถึง 8 สาขา (รวมถึงสาขาผู้กำกับภาพยนตร์ยอดเยี่ยมและสาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยม) และ Blade Runner 2049 (2017) ที่ได้รับรางวัลออสการ์ในสาขากำกับภาพยอดเยี่ยมและสาขาวิชวลเอฟเฟกต์ยอดเยี่ยม 

 

ซึ่งหลังจากที่ Denis Villeneuve ได้มีโอกาสร่วมงานกับ Hans Zimmer คอมโพสเซอร์มากฝีมือใน Blade Runner 2049 ซึ่งทั้งคู่ต่างเป็นแฟนตัวยงของนิยายเรื่อง Dune เช่นเดียวกัน Denis Villeneuve จึงตัดสินใจหยิบความใฝ่ฝันในวัยเด็กที่อยากจะสร้าง Dune ฉบับภาพยนตร์ของตัวเองขึ้นมาปัดฝุ่นใหม่อีกครั้ง โดยเขาตั้งใจที่จะแบ่งเนื้อหาของนิยายเล่มแรกออกเป็น 2 พาร์ต เพื่อที่จะสามารถถ่ายทอดรายละเอียดของนิยายที่มีความยาวกว่า 600 หน้าได้อย่างครบถ้วน นอกจากนี้เขายังเลือกที่จะยกกองไปถ่ายทำถึงทะเลทรายวาดิรัม ประเทศจอร์แดน และทะเลทรายในแถบอาบูดาบี สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เพื่อถ่ายทอดทิวทัศน์ของดาวอาร์ราคิสให้ออกมาสมจริงมากที่สุด 

 

ในท้ายที่สุดโปรเจกต์ในฝันของ Denis Villeneuve ก็กลายเป็นจริง เมื่อ Joshua Grode ผู้บริหารค่าย Legendary เปิดไฟเขียวให้ Denis Villeneuve เริ่มต้นสร้างภาพยนตร์เรื่องนี้ด้วยทุนสร้างที่สูงถึง 165 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

 

Dune

 

  1. ทัพนักแสดงและทีมงานเบื้องหลังมากคุณภาพที่มาร่วมถ่ายทอดวิสัยทัศน์สุดล้ำ

เพื่อปลุกปั้นให้โปรเจกต์ในฝันออกมาสมบูรณ์แบบมากที่สุด Dune ฉบับภาพยนตร์ภายใต้การกำกับของ Denis Villeneuve จึงคับคั่งไปด้วยทีมงานเบื้องหลังมากฝีมือ ที่จะมาร่วมสร้างสรรค์เรื่องราวบนตัวหนังสือให้ออกมาโลดแล่นบนจอภาพยนตร์ นำโดย Jon Spaihts หนึ่งในทีมเขียนบทจาก Prometheus (2012) และ Eric Roth มือเขียนบทเจ้าของรางวัลออสการ์จาก Forrest Gump (1994) มาร่วมดัดแปลงเรื่องราวจากปลายปากกาของ Frank Herbert ให้กลายเป็นบทภาพยนตร์

 

Greig Fraser ผู้กำกับภาพจากภาพยนตร์ Rogue One: A Star Wars Story (2016) และ The Batman (2022) พร้อมด้วย Patrice Vermette ผู้ออกแบบงานสร้างที่เคยร่วมงานกับ Denis Villeneuve มาแล้วใน Arrival มาร่วมกันถ่ายทอดจินตนาการของ Denis Villeneuve ให้กลายเป็นจริง รวมถึง Hans Zimmer ที่ยอมถอนตัวจาก Tenet (2020) ผลงานเรื่องล่าสุดของ Christopher Nolan เพื่อมารับหน้าที่ประพันธ์เพลงประกอบให้กับภาพยนตร์เรื่องนี้โดยเฉพาะ และ Joe Walker มือตัดต่อที่เคยร่วมงานกับ Denis Villeneuve มาแล้วใน Sicario, Arrival และ Blade Runner 2049 กลับมารับหน้าที่เป็นมือตัดต่ออีกครั้ง

 

เสริมทัพด้วยทีมนักแสดงมากฝีมือ นำโดย Timothée Chalamet นักแสดงหนุ่มมากเสน่ห์ที่เคยทำให้ผู้ชมต่างตกหลุมรักมาแล้วใน Call Me by Your Name (2017) มาสวมบท Paul Atreides ตัวละครหลักของเรื่อง และ Zendaya ที่แฟนๆ Marvel รู้จักเธอเป็นอย่างดีจาก Spider-Man: Homecoming (2017) โดยเธอจะมารับบท Chani หญิงสาวชาว Fremen ที่อาศัยอยู่บนดาวอาร์ราคิส

 

พร้อมด้วย Jason Momoa จาก Aquaman (2018), Oscar Isaac จาก Star Wars: The Force Awakens (2015), Josh Brolin จาก Avengers: Endgame (2019), Rebecca Ferguson จาก Mission: Impossible – Fallout (2018), Dave Bautista จาก Guardians of the Galaxy (2014) และ Stellan Skarsgård จาก Good Will Hunting (1997)

 

ภาพยนตร์มีกำหนดเข้าฉายวันที่ 21 ตุลาคมนี้ ในโรงภาพยนตร์

 

รับชมตัวอย่างได้ที่:

 

 

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising