คณะกรรมการ บมจ.โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น (DTAC) และ บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น (TRUE) อนุมัติการควบบริษัทระหว่างกัน โดยกำหนดอัตราส่วนในการแลกเปลี่ยนหุ้น คือ 1 หุ้น DTAC เดิม ต่อ 6.13444 หุ้นในบริษัทใหม่ และ 1 หุ้น TRUE เดิม ต่อ 0.60018 หุ้นในบริษัทใหม่ ขณะที่ทุนจดทะเบียนและทุนชำระแล้วของบริษัทใหม่จะอยู่ที่ 138.20 ล้านบาท แบ่งออกเป็นหุ้นสามัญจำนวน 34,552.10 ล้านหุ้น โดยมีมูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 4 บาท
ทั้งนี้ หากมีผู้ถือหุ้นที่คัดค้านการควบรวม บริษัทจะต้องมีการรับซื้อหุ้นจากผู้ที่คัดค้านในราคา 47.76 บาท โดยผู้ถือหุ้นที่คัดค้านมีสิทธิขายหุ้นของตนให้แก่ผู้รับซื้อภายใน 14 วัน นับจากวันที่ได้รับคำเสนอขอซื้อหุ้น โดยคาดว่าวันรับซื้อจะอยู่ในช่วงต้นเดือนถึงกลางเดือนสิงหาคม 2565 ขณะที่กระบวนการจัดตั้งบริษัทใหม่คาดว่าจะแล้วเสร็จช่วงปลายเดือนกันยายน 2565
สำหรับโครงสร้างการถือหุ้นของบริษัทใหม่จะประกอบไปด้วย
- กลุ่มบริษัท เครือเจริญโภคภัณฑ์ 28.98%
- Telenor Asia Pte 19.28%
- China Mobile 10.43%
- บริษัท ไทย เทลโค โฮลดิ้งส์ จำกัด 8.06%
- บริษัท ไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด 6.76%
- บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด 2.39%
- สำนักงานประกันสังคม 1.59%
- South-East Asia UK Nominees 0.84%
- UOB KAY HIAN (Hong Kong) – Client Account 0.81%
- UBS AG Hong Kong Branch 0.50%
วัตถุประสงค์หลักของการควบรวมในครั้งนี้ DTAC และ TRUE ต้องการปรับโครงสร้างทางธุรกิจและการพัฒนาต่อยอดจากธุรกิจโทรคมนาคมไปสู่การเป็นบริษัทเทคโนโลยีที่สมบูรณ์ โดยหวังจะพัฒนาและต่อยอดธุรกิจทางด้านปัญญาประดิษฐ์ คลาวด์เทคโนโลยี อุปกรณ์อัจฉริยะ เมืองอัจฉริยะ และการส่งเสริมธุรกิจสตาร์ทอัพในไทย
ส่วนฐานะการเงินของบริษัทใหม่ ณ วันที่ 30 กันยายน 2564 จะมีสินทรัพย์รวม 887,582.26 ล้านบาท หนี้สินรวม 692,066.10 ล้านบาท และมีส่วนของผู้ถือหุ้นรวม 195,516.16 ล้านบาท