×

ดีแทคชู ‘ดีทั่วดีถึง เพื่อชีวิตเท่าเทียม’ ฟื้นฟูประเทศก้าวข้ามวิกฤตโควิด ย้ำภารกิจใช้เทคโนโลยีและดิจิทัล สู้ความเหลื่อมล้ำในวันที่โครงสร้างสังคมเปลี่ยนไป [ADVERTORIAL]

โดย THE STANDARD TEAM
25.11.2021
  • LOADING...
DTAC

ดีแทคบอกเล่าภารกิจในช่วงวิกฤตโควิดผ่านแคมเปญโฆษณา ‘ดีทั่วดีถึง เพื่อชีวิตเท่าเทียม’ ที่มุ่งส่งเสริมกลุ่มคนเปราะบางให้เข้าถึงและสามารถใช้ดิจิทัลเพื่อเข้าถึงโอกาสที่เท่าเทียมกับกลุ่มคนอื่นๆ ในสังคม พร้อมชี้ให้ทุกภาคส่วนในสังคมเห็นถึงความรุนแรงและผลกระทบเชิงลึกของปัญหา ‘ช่องว่างทางดิจิทัล’ ที่กำลังซ้ำเติมโครงสร้างสังคมไทยที่กำลังบอบช้ำด้วยปัญหาความเหลื่อมล้ำ และยังต้องเปลี่ยนผ่านไปให้ทันกับอัตราเร่งของดิจิทัลทั่วโลก

 

DTAC

 

25 พฤศจิกายน 2564 – ดีแทคบอกเล่าภารกิจในช่วงวิกฤตโควิดผ่านแคมเปญโฆษณา ‘ดีทั่วดีถึง เพื่อชีวิตเท่าเทียม’ ที่มุ่งส่งเสริมกลุ่มคนเปราะบางให้เข้าถึงและสามารถใช้ดิจิทัลเพื่อเข้าถึงโอกาสที่เท่าเทียมกับกลุ่มคนอื่นๆ ในสังคม พร้อมชี้ให้ทุกภาคส่วนในสังคมเห็นถึงความรุนแรงและผลกระทบเชิงลึกของปัญหา ‘ช่องว่างทางดิจิทัล’ ที่กำลังซ้ำเติมโครงสร้างสังคมไทยที่กำลังบอบช้ำด้วยปัญหาความเหลื่อมล้ำ และยังต้องเปลี่ยนผ่านไปให้ทันกับอัตราเร่งของดิจิทัลทั่วโลก


รับชมแคมเปญ ‘ดีทั่วดีถึง เพื่อชีวิตเท่าเทียม’ เรื่องการศึกษาเด็กไทย คลิก

 

นายชารัด เมห์โรทรา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ดีแทค กล่าวว่า “ดีแทคมีความเชื่อว่าโทรคมนาคมสามารถดำเนินบทบาทนำในการสนับสนุนความเท่าเทียมทางดิจิทัล (Digital Inclusion) ผ่าน 3 ภารกิจ คือ 

 

1. สัญญาณเน็ตเพื่อทุกคน  (Good for All Connectivity) 
2. การเข้าถึงบริการอย่างเท่าเทียม (Affordability Service) 
3. การเพิ่มทักษะดิจิทัล (Digital Skills) 

 

ร่วมฟื้นเศรษฐกิจพลิกชีวิตชุมชน มุ่งสร้างทักษะดิจิทัลในเยาวชน ผู้สูงอายุ และผู้มีรายได้น้อย โดยดีแทคส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาที่เท่าเทียมและยั่งยืน พร้อมรับกับความท้าทายใหม่ๆ ในอนาคต”

 

DTAC

 

K-Shaped Recovery ในภาคการศึกษา: โฉมหน้าความเหลื่อมล้ำดิจิทัลในเด็กไทย

ภาคการศึกษาเป็นอีกหนึ่งภาคที่ได้รับผลกระทบจากโควิดอย่างรุนแรง เมื่อนักเรียนอีกราว 1.2 ล้านคนทั่วโลกต้องออกจากโรงเรียน เนื่องจากโรงเรียนถูกสั่งปิดเพื่อควบคุมโรคระบาด นักเรียนไทยได้รับผลกระทบจากวิกฤตสุขภาพครั้งนี้เช่นเดียวกับที่อื่นของโลก ข้อมูลจากมูลนิธิคีนันแห่งเอเซียระบุว่า มีนักเรียนไทยกว่า 15 ล้านคนในทุกระดับชั้นต้องหยุดเรียน เพราะโรงเรียนและสถานศึกษาถูกสั่งปิดในช่วงการระบาดของโควิด ตลอดช่วงปี 2563-2564 ที่ผ่านมา เป็นวิกฤตใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่ประเทศไทยมีระบบการศึกษาแบบสมัยใหม่ ที่สำคัญ ไม่ใช่นักเรียนทุกคนที่สามารถเข้าถึงการเรียนออนไลน์อย่างมีคุณภาพ เพราะสภาพแวดล้อมและเงื่อนไขที่นักเรียนแต่ละคนต้องเผชิญมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อคุณภาพการเรียนออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็น ความพร้อมของโรงเรียนในการปรับตัว การออกแบบหลักสูตรและวิธีการสอน (Pedagogy) ทักษะการสอนของครู ความสามารถในการปรับตัวของนักเรียนและผู้ปกครอง รวมไปถึงการที่เด็กบางคนไม่สามารถเข้าถึงอุปกรณ์และอินเทอร์เน็ตได้

 

จากข้อมูลสถิติแห่งชาติปี 2562 ยังมีเด็กมากถึง 14.7% หรือกว่า 2.4 ล้านคนที่ยังเข้าไม่ถึงอินเทอร์เน็ต สำหรับเด็กที่เข้าถึงอินเทอร์เน็ตได้นั้น กว่า 94% ของเด็กเข้าถึงอินเทอร์เน็ตผ่านทางมือถือเป็นหลัก ในขณะที่เข้าผ่านคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะและแล็ปท็อปเพียงแค่ 55% และ 16% ตามลำดับ และมีครัวเรือนยากจน (รายได้ต่ำกว่า 200,000 บาทต่อปี) เพียง 3% เท่านั้นที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตโดยอาศัยคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ ส่วนที่เหลือล้วนแต่ต้องใช้สมาร์ทโฟนในการท่องโลกออนไลน์ กล่าวได้ว่าสำหรับครัวเรือนที่มีฐานะยากจน หรือในที่นี้เราเรียกเด็กกลุ่มนี้ว่าเป็นขาล่างของตัว K ซึ่งเป็นกลุ่มที่ยังไม่สามารถเข้าถึงเทคโนโลยีดิจิทัลได้ การเข้าถึงอินเทอร์เน็ตทางโทรศัพท์มือถือแทบจะเป็นช่องทางเดียวที่พวกเขาทำได้


ในช่วงโควิดที่ผ่านมา ดีแทคได้สนับสนุน 2,000 ซิมพร้อมแพ็กเก็จเน็ตอันลิมิเต็ดความเร็ว 4 Mbps แก่กลุ่มเด็กนักเรียนยากจนพิเศษของ กสศ. นำร่องในเขตกรุงเทพฯ สำหรับการเรียนออนไลน์เป็นการเร่งด่วน ลดอุปสรรคการเรียนรู้ เตรียมพร้อมหาทางออกระยะยาวในยุคเรียนออนไลน์ มุ่งสู่เป้าหมายความเท่าเทียมทางดิจิทัล (Digital Inclusion) และลดการปิดกั้นแม้เกิดสถานการณ์โควิด

 

DTAC

 

เมื่อ ‘การเชื่อมต่อ’ ผู้สูงวัยคือ ‘การเชื่อมต่อ’ ปัจจุบันกับอนาคต

ในหนังสือเรื่อง The Industries of the Future โดยอเล็กซ์ รอสส์ (Alec Ross) ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีชื่อดังทำนายไว้ว่า การแพทย์และบริการสาธารณสุขจะเป็นอุตสาหกรรมที่ถูกดิสรัปต์และมีนวัตกรรมใหม่ออกมามากที่สุด โดยความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีดิจิทัลและเทคโนโลยีชีวภาพจะเปลี่ยนโฉมหน้าบริการสุขภาพชนิด ‘ปฏิวัติ’ แต่เป็นเรื่องน่าเสียดายที่กลุ่มผู้สูงวัย ซึ่งเป็นกลุ่มที่สมควรจะได้รับประโยชน์จากความก้าวหน้าทางการแพทย์มากที่สุดกลับได้ดอกผลน้อยกว่าที่ควรจะเป็น ด้วยเหตุผลว่า ‘ผู้สูงวัย’ เป็นกลุ่มคนที่เข้าถึงเทคโนโลยีดิจิทัลได้น้อยที่สุด อันที่จริงไม่ใช่แค่เรื่องสุขภาพเท่านั้น ความเหลื่อมล้ำดิจิทัลทำให้ผู้สูงวัยต้องเสียโอกาสใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่ออำนวยความสะดวกในชีวิตประจำวันอีกมาก ไม่ว่าจะเป็น บริการการด้านการเงิน การซื้อสินค้าและบริการ กิจกรรมบันเทิง และสันทนาการ การสั่งและส่งอาหาร เป็นต้น  

 

นับตั้งแต่ปี 2548 ประเทศไทยเป็น ‘สังคมสูงวัย’ (Aging Society) อย่างเป็นทางการตามนิยามขององค์การสหประชาชาติไปเรียบแล้ว เมื่อสัดส่วนจำนวนประชากรที่อายุเกิน 60 ปีคิดเป็นสัดส่วน 10% ของประชากรทั้งประเทศ ไม่เพียงเท่านั้น คาดการณ์ว่าในปี 2565 ประเทศไทยจะเข้าสู่เข้าสู่ ‘สังคมสูงวัยโดยสมบูรณ์’ (Aged Society) เมื่อสัดส่วนประชากรที่มีอายุเกิน 60 ปีคิดเป็น 20% ของประชากรทั้งหมด และจะเข้าสู่ภาวะ ‘สังคมสูงวัยระดับสุดยอด’ (Super Aged Society) ในปี 2578 เมื่อประชากรสูงวัยเพิ่มขึ้นเป็น 30% ของจำนวนประชากรทั้งหมด โจทย์สังคมสูงวัยไม่ใช่โจทย์ของผู้สูงวัยเท่านั้น แต่เป็นเรื่องการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากรทั้งหมดที่สังคมต้องรับผิดชอบดูแลร่วมกัน ดังนั้นสังคมสูงวัยจึงหมายถึงการเปลี่ยนแปลงของคนทุกรุ่นและส่งผลกระทบต่อสังคมโดยรวม

 

ความเหลื่อมล้ำดิจิทัลในกลุ่มผู้สูงวัยแบ่งได้เป็น 2 มิติ ได้แก่ การเข้าถึง (Access) และการปรับใช้ (Adopt) ซึ่งประเทศไทยมีปัญหาในทั้งสองมิติ สำหรับการเข้าถึงข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งชาติชี้ว่า แม้กลุ่มผู้สูงวัยเป็นกลุ่มที่มีอัตราการเติบโตในการใช้อินเทอร์เน็ตอย่างรวดเร็ว โดยเติบโตจาก 2.2% ในปี 2556 มาเป็น 10.3% ในปี 2561 แต่หากเทียบกับผู้สูงวัยอีก 90% หรือประมาณ 10 ล้านคน ยังไม่สามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ตได้เลย ทั้งนี้ผู้สูงวัยส่วนใหญ่เข้าถึงอินเทอร์เน็ตผ่านทางสมาร์ทโฟนเป็นอุปกรณ์หลัก กล่าวคือมีจำนวนมากถึง 93.7% ทิ้งห่างจากคอมพิวเตอร์ซึ่งเป็นอันดับสองที่ 12.2% สมาร์ทโฟนจึงแทบจะเป็นอุปกรณ์หลักที่ผู้สูงวัยใช้ท่องอินเทอร์เน็ตในเวลานี้

 

ดีแทคให้ความสำคัญกับการติดอาวุธดิจิทัลให้ผู้สูงวัยผ่านโครงการ ‘ดีแทคเน็ตทำกิน’ ในภารกิจปั้นผู้ประกอบการวัยเก๋า 50+ เพื่อมุ่งเน้นแก้ไขปัญหาผู้สูงวัยในการสร้างเสริมทักษะและความรู้ในการค้าขายออนไลน์ การแสวงหาโอกาสในการทำธุรกิจดิจิทัล รวมทั้งการให้ความรู้เพื่อรับมือกับภัยเสี่ยงบนโลกออนไลน์ให้ผู้สูงวัยด้วย และให้ความช่วยเหลือผู้สูงวัยมากกว่า 8,000 รายจากทีมดีแทคคอลเซ็นเตอร์ ให้เข้าถึงบริการทางการแพทย์ผ่านแอปพลิเคชันของโรงพยาบาลรัฐบาล

 

เศรษฐกิจของ ‘คนตัวเล็ก ที่ต้องใจใหญ่’ ในยุคโควิด

การสำรวจ Thai Digital Generation 2021 ระบุว่า การเข้าถึงและการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล คือหัวใจสำคัญของการปรับตัวในกลุ่มผู้ประกอบการทุกกลุ่ม รวมถึงผู้ประกอบการขนาดเล็กที่มีความเปราะบางสูง โดยบุคคลที่ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลมากกว่าจะได้รับผลกระทบด้านเศรษฐกิจทางลบน้อยกว่า (คิดเป็น 60% ของผู้ที่สูญเสียรายได้) เมื่อเทียบกับผู้ใช้เทคโนโลยีในระดับต่ำ (คิดเป็น 72% ของผู้ที่สูญเสียรายได้) และจากการประเมินสถานการณ์ของ สสว. (ในช่วงกลางปี 2563) หากเศรษฐกิจไทยถดถอยประมาณ 1% ธุรกิจในกลุ่ม MSME จะถดถอยราว 3.3% หรืองานศึกษาของสถาบันเพื่อการวิจัยและพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) ที่เคยประเมินไว้ว่า หากเศรษฐกิจไทยในปี 2563 ถดถอย 5.5-6 % มูลค่าธุรกิจรวมของ MSME ก็จะหดตัวราว 6-6.5% เป็นต้น

 

นอกจากนี้กลุ่มคนเปราะบาง ได้แก่ ผู้พิการ ชนกลุ่มน้อย เป็นต้น ก็ยังดิ้นรนทำมาหากินในฐานะผู้ประกอบการตัวเล็กในระบบเศรษฐกิจด้วย

 

ทั้งนี้ ในช่วงโควิดดีแทคได้เร่งนำโครงการ ‘ดีแทคเน็ตทำกิน’ สอนผู้ประกอบการตัวเล็กให้เข้าถึงช่องทางขายออนไลน์เป็นครั้งแรก ซึ่งช่วยสร้างรายเพิ่มได้ให้มากกว่า 50% และผ่านพ้นสถานการณ์โควิดไปด้วยกัน

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising
X