ดีแทคและคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ร่วมเผยงานวิจัยเกี่ยวกับการกลั่นแกล้ง พบว่าการรังแกทางวาจาเป็นจุดเริ่มของการกลั่นแกล้งทางออนไลน์ นอกจากนี้ในเขตโรงเรียน นักเรียนกลุ่ม LGBT มักตกเป็นเหยื่อมากที่สุด พร้อมแนะครูและผู้ปกครองใส่ใจมากขึ้น ด้านดีแทคได้พัฒนาหลักสูตรออนไลน์ Safe Internet หวังสร้างภูมิคุ้มกันทางดิจิทัลแก่เด็ก ครู และผู้ปกครอง
ดีแทคและคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ร่วมเปิดผลวิจัยเรื่องการกลั่นแกล้ง พบการสร้างเรื่องโกหก ล้อปมด้อย ล้อชื่อพ่อแม่ เป็นจุดเริ่มต้นของการกลั่นแกล้งออนไลน์ (Cyberbullying) โดยพบว่า 2 ใน 3 ของการกลั่นแกล้งเกิดขึ้นในห้องเรียน โดยมีกลุ่มนักเรียน LGBT มักตกเป็นเหยื่อมากสุด พร้อมแนะครูและผู้ปกครองอย่ามองข้าม ให้เร่งปรับทัศนคติการรังแกเป็นเรื่องยอมรับไม่ได้
ด้าน ผศ.ดร.ธานี ชัยวัฒน์ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยเศรษฐศาสตร์พฤติกรรมและการทดลอง จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า การรังแกกันผ่านไซเบอร์ (Cyberbullying) นับเป็นความรุนแรงรูปแบบใหม่ เมื่อเทคโนโลยีเข้ามามีบทบาท การใช้งานทำได้ง่ายขึ้น ไม่ว่าใครก็สามารถเป็นผู้กระทำได้ ในทางตรงข้าม การใช้พื้นที่ของโลกไซเบอร์ต่างกับการรังแกรูปแบบอื่น ซึ่งไม่ทราบว่าใครเป็นผู้ถูกกระทำ จึงถูกนำมาใช้เป็นช่องทางใส่ร้ายหรือโจมตี
“จากงานวิจัยเราพบว่า สำหรับเด็กยุคใหม่ คนที่ถูกรังแกและคนที่รังแกคนอื่นมีสัดส่วนเข้าใกล้กันมากขึ้นเรื่อยๆ แปลว่ามีการเอาคืนมากขึ้นเรื่อยๆ นอกจากนี้ยังพบว่า การกลั่นแกล้งทางไซเบอร์มีจุดเริ่มต้นจากการกลั่นแกล้งหรือการรังแกทางวาจา แล้วก็ไปสู่ทางร่างกาย ไปสู่ทางสังคม แล้วก็ทางสังคมจะเริ่มเข้าสู่กระบวนการการรังแกทางไซเบอร์ ซึ่งเทคโนโลยีทำให้รูปแบบการรังแกมีความรุนแรงมากขึ้น จำนวนสูงขึ้น และถึงแม้อาจไม่ได้รับความเจ็บปวดทางกาย แต่ความเจ็บปวดทางใจมีความรุนแรง เพราะลักษณะของการทำร้ายกันผ่านออนไลน์จะวนเป็นลูปไปกลับอย่างไม่จบสิ้น”
นอกจากนี้ ผศ.ดร.ธานี กล่าวเสริมว่า เทคโนโลยีการสื่อสารเป็นตัวแปรสำคัญที่ทำให้การแกล้งกัน (Bullying) ของเด็กนักเรียนขยายวงกว้างมากขึ้น จากเดิมที่การแกล้งกันจะมีลักษณะอำนาจเหนือกว่า หรือมีความได้เปรียบด้านกายภาพ แต่โซเชียลมีเดียได้เข้ามาสร้างความเท่าเทียมกันของการแสดงออก ทำให้ความสามารถในการแกล้งกันของทุกคนใกล้เคียงกันมากขึ้น
ดังนั้น บุคคลผู้เป็นครูและพ่อแม่ผู้ปกครอง ควรเป็นที่พึ่งให้กับเด็กที่ถูกกระทำ ความเข้าใจระหว่างครอบครัวที่เปิดโอกาสให้เด็กได้แสดงตัวตนของตัวเอง และกิจกรรมในโรงเรียนที่ควรเปิดกว้างมากพอให้เด็กได้แสดงศักยภาพของตัวเอง เพื่อให้เด็กทุกคนมีพื้นที่เป็นของตัวเอง พื้นที่ที่สบายใจและทำสิ่งที่สนใจเหล่านั้นได้ดี หากแต่ทางออกระยะยาวถูกสกัดกั้นด้วยความไม่กล้าเปิดเผยเรื่องราวเหล่านี้ให้กับคนรอบตัว
ด้าน อรอุมา ฤกษ์พัฒนาพิพัฒน์ ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานสื่อสารองค์กรและการพัฒนาที่ยั่งยืน บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ดีแทค กล่าวว่า “การดำเนินธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบ” (Responsible Business) ถือเป็นหนึ่งในกลยุทธ์สำคัญของความยั่งยืนดีแทค ซึ่งโครงการอินเทอร์เน็ตปลอดภัย หรือ dtac Safe Internet ได้ดำเนินอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 4 แล้ว
สำหรับการวิจัยเรื่อง ‘การแกล้งกันของเด็กนักเรียนในระดับชั้นมัธยมศึกษาและอาชีวศึกษาในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล’ ถือเป็นอีกหนึ่งความพยายามของดีแทคในการทำความเข้าใจถึงปัญหาที่ซับซ้อนมากขึ้นจากบทบาทที่เพิ่มขึ้นของอินเทอร์เน็ต ซึ่งดีแทคมีเป้าหมายในการสร้างระบบนิเวศที่ดีต่อสังคมอินเทอร์เน็ต โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มเด็กที่มีอัตราการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตกว่า 90%
และเนื่องในโอกาสวันต่อต้านการกลั่นแกล้งทางออนไลน์สากล (Stop Cyberbullying Day) ซึ่งในปีนี้ตรงกับวันที่ 21 มิถุนายน 2562 ดีแทคได้พัฒนาหลักสูตรออนไลน์ Safe Internet เพื่อให้เด็กและครอบครัวสามารถพัฒนาความรู้และทักษะในการใช้ชีวิตบนโลกออนไลน์อย่างสร้างสรรค์และปลอดภัย สร้างภูมิคุ้มกันทางดิจิทัลแก่เด็กๆ ซึ่งได้รับการออกแบบโดย Parent Zone ผู้ให้บริการด้านความรู้ในการเลี้ยงเด็กในยุคดิจิทัลสัญชาติอังกฤษ
ทั้งนี้ หลักสูตรออนไลน์ Safe Internet ได้รับการออกแบบให้เหมาะสมกับเด็กอายุ 5-16 ปี ตลอดจนครูและผู้ปกครอง โดยเข้าผ่านเว็บไซต์ www.safeinternetforkid.com ซึ่งประกอบด้วยเกมทดสอบความเข้าใจโลกออนไลน์ คลังคำศัพท์ แบบฝึกหัด และคำแนะนำสำหรับครู ตลอดจนผู้ปกครอง
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า