×

บอร์ด DSI เคาะรับ ‘ฮั้วเลือก สว.’ เป็นคดีพิเศษฐานฟอกเงิน ตั้งสอบต่อมูลค่าทรัพย์สินเกิน 300 ล้านหรือไม่

โดย THE STANDARD TEAM
06.03.2025
  • LOADING...
dsi-special-case-vote-fraud

วันนี้ (6 มีนาคม) ภายหลังคณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) ร่วมประชุมพิจารณาคดีเรื่องสืบสวนที่ 151/2567 กรณีการคัดเลือกสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ที่มีกระบวนการหรือพฤติการณ์ที่ไม่ได้เป็นไปด้วยสุจริตหรือเที่ยงธรรม เป็นคดีพิเศษหรือไม่ โดยใช้เวลาเกือบ 2 ชั่วโมง ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมด้วย พ.ต.อ. ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ร่วมกันแถลงผลประชุม

 

ภูมิธรรมระบุว่า ในที่ประชุมได้มีการพูดคุยถกเถียงกันหลากหลายความเห็น ใช้หลักการข้อกฎหมายทั้งหมดอย่างครบถ้วน เพื่อให้ได้ข้อยุติ เพราะทราบดีว่าคดีนี้เกี่ยวพันกับสถาบันนิติบัญญัติ และประชาชนให้ความสำคัญ จึงได้มีข้อสรุปว่า

 

  1. การประชุมวันนี้ ที่ประชุมได้พิจารณาบนฐานข้อเท็จจริง กรณีมีผู้เสียหายมาร้องทุกข์กับทางกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) มีการกระทำผิดตามกฎหมายที่เข้าข่ายเป็นคดีพิเศษหรือไม่ ดังนั้น วันนี้ที่ประชุมจึงไม่ได้พิจารณาเกี่ยวกับกระบวนการเลือก สว. ใดๆ แต่เห็นว่า ความผิดที่มีการร้องทุกข์เป็นความผิดที่มีลักษณะกระทำผิดฐานการฟอกเงิน ที่มีลักษณะเป็นคดีพิเศษตามกฎหมายการสอบสวนคดีพิเศษ ซึ่งสอดคล้องกับกฎหมายการได้มาซึ่ง สว. ที่ระบุไว้ว่า การใช้ทรัพย์สินเพื่อจูงใจให้เลือกหรือไม่เลือกผู้สมัคร เป็นความผิดฐานฟอกเงินด้วย

 

  1. การพิจารณาในวันนี้ไม่ได้เป็นการยุ่งเกี่ยวกับอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) แต่อย่างใด ทางเราเองเป็นหน่วยงานรัฐด้านคดีอาญาเท่านั้น จึงเป็นการทำงานคู่ขนานประสานงานร่วมมือกัน แลกเปลี่ยนข้อมูลกันได้ เพื่อให้การบังคับใช้กฎหมายของตนเองที่แตกต่างกัน แต่มีเป้าหมายเดียวกันคือพี่น้องประชาชน และต้องไม่ลืมว่าทาง DSI เองได้รับการร้องทุกข์จากประชาชนผู้เสียหาย ครั้นจะทิ้งนิ่งเฉยก็ไม่ได้เพราะจะเป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ไป

 

  1. การที่ DSI รับเรื่องนี้ไว้ไม่ได้หมายความว่า ผู้ถูกกล่าวหาเป็นผู้กระทำความผิดแล้ว แต่ต้องมีกระบวนการอีกมากมายในการจะบอกว่าผิดจริง คดีนี้เป็นคดีมหาชน เราทำเรื่องนี้ก็เพื่อประชาชน ไม่ใช่เพื่อใครคนหนึ่ง

 

กรรมการจำนวน 11 ท่านในที่ประชุมมีความเห็น ‘ไม่รับ’ คดีอั้งยี่ซ่องโจร เป็นคดีพิเศษ แต่มีความเห็นให้ดำเนินคดีในฐานความผิดฟอกเงินซึ่งเป็นอำนาจของอธิบดี DSI ตามความผิดมาตรา 21 (1) ตามบัญชีแนบท้าย พ.ร.บ.การสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ. 2547 สามารถดำเนินการสอบสวนได้ตามปกติไม่ต้องนำเรื่องเข้าที่ประชุม กคพ.

 

ด้าน พ.ต.อ. ทวี ระบุว่า ขั้นตอนต่อจากนี้ไป จะเป็นหลักค้ำประกันให้อธิบดี DSI ดำเนินเป็นคดีพิเศษ แต่จะให้อัยการมาร่วมสอบสวนด้วยเพื่อความมีประสิทธิภาพ และ DSI จะตั้งพนักงานสอบสวนต่อไป สำหรับส่วนที่เกี่ยวข้องกับ กกต. มีการประสานงานกันอยู่แล้ว

 

“เมื่อที่ประชุมมีความเห็นว่าเป็นคดีพิเศษโดยอัตโนมัติแล้ว คือความผิดฐานฟอกเงิน แต่ถ้ามีเหตุสงสัยหรือรายละเอียดว่า มูลค่าของทรัพย์สินมีมูลน่าเชื่อว่าเกิน 300 ล้านบาทหรือไม่ เพราะ DSI จะตรวจสอบเส้นทางการเงิน และพยานบุคคลด้วย DSI ก็จะขอให้คณะกรรมการคดีพิเศษเป็นผู้ชี้ขาด” พ.ต.อ. ทวี กล่าว

 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มติในที่ประชุม จากองค์ประชุมทั้งหมด 19 คน มติ 11 เสียงมีความเห็นให้ DSI กลับไปดำเนินคดีฟอกเงินตามปกติไม่ต้องเสนอเข้าพิจารณาสู่ที่ประชุม กคพ. ขณะที่มีผู้เห็นค้าน 4 เสียง และงดออกเสียงอีก 3 คน โดยมีคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ 1 ท่าน ที่ลงชื่อเข้าประชุม แต่ไม่ได้ร่วมลงมติเนื่องจากติดภารกิจที่ต่างประเทศ

 

ทั้งนี้ ตามมาตรา 21 (1) ของ พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 กำหนดให้นับคะแนนเสียงข้างมากของที่ประชุมเท่าที่มี จึงไม่จำเป็นต้องใช้เสียงเห็นชอบ 2 ใน 3 ของที่ประชุมทั้งหมด คือ 15 เสียง จากทั้งหมด 22 เสียง ตาม (1)

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising