×

ดีเอสไอส่งคำร้องโอนคดีฟอกเงินเว็บพนัน BNK Master ให้ ป.ป.ช. พิจารณา เหตุมีข้อโต้แย้งระหว่างผู้ร้อง-พนักงานสอบสวน

โดย THE STANDARD TEAM
30.03.2024
  • LOADING...
BNK Master

วานนี้ (29 มีนาคม) กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เผยแพร่เอกสารข่าว การส่งสำนวนการสอบสวนคดีเว็บพนัน BNK Master ให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) สอบสวนต่อ

 

ระบุว่า ด้วยปรากฏว่าเมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2567 มีผู้ร้องมายื่นเรื่องต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ ขอให้พิจารณาโอนคดีอาญาของสถานีตำรวจนครบาลเตาปูน คดีอาญาที่ 391/2567 ฐานฟอกเงิน สมคบกันฟอกเงินกรณีเครือข่ายเว็บพนันออนไลน์ BNK Master มาดำเนินการสืบสวนและสอบสวนตามพระราชบัญญัติการสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ. 2547

 

เนื่องจากเห็นว่ามีรายละเอียดของลักษณะการกระทำความผิดเป็นไปตามประกาศคณะกรรมการคดีพิเศษ (ฉบับที่ 8) พ.ศ. 2565 เรื่อง กำหนดรายละเอียดของลักษณะของการกระทำความผิดที่เป็นคดีพิเศษ ตามมาตรา 21 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติการสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ. 2547 ข้อ 4 ประกอบบัญชีท้ายประกาศฯ ข้อ 7 ซึ่งกำหนดว่าคดีความผิดที่มีบทกำหนดโทษตามมาตรา 60

 

และมาตรา 61 แห่งพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ที่มีความผิดมูลฐานเป็นคดีพิเศษซึ่งอยู่ในอำนาจหน้าที่ของพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ หรือคดีความผิดมูลฐานที่เป็นคดีอาญาอื่นที่มีมูลน่าเชื่อว่ามีทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดที่มีมูลค่าตั้งแต่สามร้อยล้านบาทขึ้นไป 

 

โดยกรมสอบสวนคดีพิเศษได้รับเรื่องไว้สืบสวน เป็นสำนวนสืบสวนที่ 37/2567 เพื่อพิจารณาว่าเข้าข่ายที่จะมีคำสั่งไว้ทำการสอบสวนเป็นคดีพิเศษได้หรือไม่ โดยสำนวนอยู่ในความรับผิดชอบของกองคดีฟอกเงินทางอาญา

 

จากการสืบสวนมีการแสวงหาข้อเท็จจริงจากผู้ร้อง รวมทั้งการมีหนังสือสอบถามไปยังพนักงานสอบสวนคดีอาญาที่ 391/2567 ของสถานีตำรวจนครบาลเตาปูน ปรากฏข้อโต้แย้งเกี่ยวกับความเชื่อมโยงคดีอาญาดังกล่าวกับคดีอาญากรณีเว็บพนันออนไลน์มินนี่ ที่พนักงานสอบสวนสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ส่งเรื่องไปยังคณะกรรมการ ป.ป.ช. ก่อนหน้านี้ 

 

และเนื่องจากพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 28 (2) ได้กำหนดหน้าที่และอำนาจในการไต่สวนของคณะกรรมการ ป.ป.ช. เกี่ยวกับเจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่ หรือกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ หรือความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ในการยุติธรรม 

 

และมาตรา 30 วรรคสอง กำหนดให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีอำนาจไต่สวนในคดีที่มีการกระทำอันเป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท และคดีที่มีความเกี่ยวข้องกัน และความผิดเรื่องใดเรื่องหนึ่งที่จะต้องดำเนินการในคราวเดียวกันด้วย 

 

ซึ่งกรณีดังกล่าวกรมสอบสวนคดีพิเศษเคยมีหนังสือหารือไปยังคณะกรรมการ ป.ป.ช. เกี่ยวกับแนวปฏิบัติตามมาตรา 30 วรรคสองแล้ว โดยสำนักงาน ป.ป.ช. มีหนังสือที่ ปช 0026/0089 ลงวันที่ 22 ตุลาคม 2562 แจ้งว่าคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติว่าคดีลักษณะใดเป็นคดีที่มีการกระทำความผิดเกี่ยวข้องกัน และความผิดเรื่องใดเรื่องหนึ่งที่จะต้องดำเนินการในคราวเดียวกันนั้น 

 

คณะกรรมการ ป.ป.ช. จะพิจารณาวินิจฉัยตามข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นเป็นรายกรณีไป ซึ่งกรณีดังกล่าวเป็นประเด็นสำคัญเกี่ยวกับอำนาจการสืบสวนเละสอบสวนของกรมสอบสวนคดีพิเศษ 

 

ดังนั้น เมื่อกรมสอบสวนคดีพิเศษไม่มีข้อเท็จจริงในคดีอาญาหลักที่มีการกล่าวอ้างที่จะเป็นข้อมูลประกอบการวินิจฉัย และเมื่อพิจารณาประกอบหนังสือสำนักงาน ป.ป.ช. ข้างต้น 

 

คณะพนักงานสืบสวนจึงมีมติเสนออธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษให้ส่งเรื่องไปยังคณะกรรมการ ป.ป.ช. เพื่อพิจารณาพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 30 วรรคสอง

 

ทั้งนี้ หากภายหลังคณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาแล้วเห็นว่ามิใช่กรณีที่อยู่ในหน้าที่และอำนาจของคณะกรรมการ ป.ป.ช. กรมสอบสวนคดีพิเศษจะพิจารณาดำเนินการตามพระราชบัญญัติการสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ. 2547 และที่แก้ไขเพิ่มเติมต่อไป

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising