เมื่อคุณได้เล่นหรือหลงรักในการแข่งขันกีฬาอะไรสักอย่าง
การได้เผชิญหน้ากับ ‘ไอดอล’ หรือบุคคลที่สร้างแรงบันดาลใจให้กับคุณในฐานะนักกีฬาคนหนึ่งนั้นถือเป็นสิ่งที่เกินฝัน ซึ่งน่าประทับใจอยู่ไม่น้อย
เรื่องราวนี้เกิดขึ้นจริงกับ เจเจ-ณัฏฐ์นลิน รัตนภาณุวงศ์ นักแบดมินตันดาวรุ่งวัย 17 ปี (น้องเกิดปี 2007) มือวางอันดับ 153 ของโลก ที่ได้ลงแข่งขันรายการไทยแลนด์ มาสเตอร์ส 2025 กับ เมย์-รัชนก อินทนนท์ นักแบดมินตันรุ่นพี่ที่เธอมองเป็นต้นแบบมาโดยตลอด
เจเจบอกเล่าความรู้สึกตั้งแต่ก่อนลงสนามไว้บน Facebook ส่วนตัวว่า “พี่เมย์เป็นแรงบันดาลใจแรกของหนู ไม่เคยคิดว่าจะมีโอกาสได้ลงสนามแข่งขันกับพี่เมย์ แต่แล้วโอกาสก็มาถึง หนูจะได้ลงแข่งกับพี่เมย์ในวันพรุ่งนี้
“พี่เขาคงจำหนูไม่ได้หรอก (หัวเราะ) แต่ไม่เป็นไร ขอลงไปเก็บเกี่ยวประสบการณ์ครั้งนี้จากพี่เขาให้มากที่สุดและทำให้ดีที่สุดก็พอ 😊✌️”
เพียงได้อ่านแคปชันแค่ 2 พารากราฟนี้ ยังพาให้ใจ (แฟนกีฬาอย่างเรา) รู้สึกตื่นเต้นไปด้วย
เมื่อถึงคราวลงสนาม เจเจมุ่งหน้าเข้าคอร์ตพร้อมเมย์ด้วยท่าทีที่ไร้ความประหม่า แม้ข้างในหัวใจจะเต้นรัวมากก็ตาม
เกมนี้ดำเนินไปอย่างสนุก เจเจพยายามงัดกลวิธีที่ผ่านการฝึกฝนมารับมือกับเมย์อย่างเต็มกำลัง ถึงเมย์จะเครื่องร้อนช้าในช่วงต้น แต่ตลอดทั้งเกมไม่มีคำว่าออมมือ
เมย์โชว์ฝีมือแบบไม่กั๊ก ตบได้ตบ! หวดได้หวด! ประหนึ่งศิษย์พี่ขอใช้โอกาสนี้สอนวิชาให้ศิษย์น้อง
ส่วนเจเจก็พยายามหาวิธีสู้กับเมย์อย่างสุดความสามารถ แต่ด้วยประสบการณ์ ความเร็ว และช็อตทีเด็ดทีขาดที่ยังมีความแตกต่าง กลายเป็นจุดชี้ขาดผลการแข่งในที่สุด
เมย์เป็นฝ่ายเอาชนะเจเจไปได้ 2 เกมรวด 21-9 และ 21-10 ผ่านเข้ารอบที่ 2 ในที่สุด
เมื่อการแข่งขันจบลง เจเจที่ต้องยุติเส้นทางที่รอบแรกไม่ได้แสดงอาการเซ็งหรือเสียใจแต่อย่างใด แต่เธอรีบตรงปรี่เข้าจับมือไอดอลของเธอด้วยความตื้นตันใจและกล่าวสั้นๆ ว่า “10 ปีแล้วนะคะพี่เมย์” (หมายถึงภาพถ่ายของเธอในสมัยที่เธอยังเป็นเด็กอนุบาลกับเมย์ รัชนก)
หลังจบเกมเจเจเล่าความประทับใจในการดวลกับเมย์ในวันนี้ว่า “ดีใจมากค่ะ เป็นประสบการณ์ที่ดีเลย หนูเริ่มตีแบดเพราะพี่เมย์ในช่วงที่พี่เมย์ได้แชมป์โลก”
นอกเหนือจากนั้นเธอยังได้บทเรียนสำคัญจากแมตช์วันนี้ ที่จะช่วยพัฒนาศักยภาพฝีมือบนเส้นทางนักแบดมินตันอาชีพ
“หนูต้องกลับไปพัฒนาตัวเองอีกเยอะ ต้องไปเพิ่มความแข็งแรงเพื่อตีให้ทันสปีดของพี่ๆ” เจเจเล่าถึงสิ่งที่ได้เรียนรู้จากพี่เมย์ในวันนี้
ส่วนเมย์ในฐานะที่เป็นแรงบันดาลใจและคู่แข่ง มองว่าเจเจอายุยังน้อย (17 ปี) ยังมีทัวร์นาเมนต์ให้ลับฝีมืออีกมาก และเชื่อว่าเจเจคงมองถึงการเป็นมือ 1 ประเทศไทย แบบที่เด็กไทยหลายคนใฝ่ฝัน
“ขอบคุณน้องเจเจที่คอยเป็นกำลังใจให้ และพี่เมย์ก็ขอเป็นหนึ่งในกำลังใจให้กับน้องเจเจในทุกๆ การแข่งขัน โดยเฉพาะการฝึกซ้อม เพราะการฝึกซ้อมมันหนักกว่าการลงแข่งขันแน่นอน” เมย์ฝากข้อความทิ้งท้ายถึงเจเจในวันนี้ พร้อมรอยยิ้มที่มองดูเจเจด้วยความภูมิใจ
นับจากนี้ชีวิตนักแบดมินตันของเจเจยังอีกยาวไกล และจะมีเรื่องราวเกิดขึ้นในชีวิตอีกมากมายอย่างที่เมย์บอก
แต่เชื่อเหลือเกินว่า ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน ‘Dream Match’ ที่เกิดขึ้นในวันนี้จะยังคงอยู่ในความทรงจำของเจเจไปตลอดชีวิต แบบเดียวกับที่เธอไม่เคยลืมภาพถ่ายใบนั้นที่มีอายุมากกว่า 10 ปี
และหวังว่าเธอจะเก็บความประทับใจในวันนี้ เป็นแรงผลักดันให้เดินไปสู่เป้าหมายที่มุ่งหวัง สู้ต่อไปนะเจเจ ✌️
อ้างอิง: