เมื่อวานที่ผ่านมา (21 พฤศจิกายน) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า สาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก หรือ ดีอาร์คองโก กำลังเผชิญหน้ากับโรคหัดระบาดครั้งใหญ่และรวดเร็วที่สุดในโลกท่ัวทั้งประเทศ ซึ่งในเฉพาะปีนี้ มีผู้ติดเชื้อแล้วเกือบ 250,000 ราย เสียชีวิตแล้วเกือบ 5,000 ราย โดยตัวเลขผู้เสียชีวิตดังกล่าวถือว่ามากกว่าจำนวนผู้เสียชีวิตจากเชื้ออีโบลาที่แพร่เมื่อ 15 เดือนที่ผ่านมาถึง 2 เท่า
รัฐบาลดีอาร์คองโกจึงร่วมกับองค์การอนามัยโลก (WHO) จัดตั้งโครงการฉีดวัคซีนเร่งด่วนให้กับเด็กๆ ในดีอาร์คองโก เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา โดยมีเด็กที่ได้รับการฉีดวัคซีนแล้วอย่างน้อย 4 ล้านคน ซึ่งผู้เชี่ยวชาญระบุว่า ตัวเลขสถิตินี้อาจยังไม่ถึงครึ่งหนึ่งของประชากรเด็กในดีอาร์คองโก และเนื่องจากระบบโครงสร้างพื้นฐานไม่มีประสิทธิภาพ สถานพยาบาลทั้งหลายตกเป็นเป้าโจมตี และขาดช่องทางในการเข้ารับการรักษาพยาบาล จึงอาจจะยิ่งทำให้การรับมือกับการระบาดของโรคเป็นไปด้วยความยากลำบากเพิ่มมากขึ้น
กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ระบุว่า โรคหัดเกิดจากเชื้อไวรัส สามารถแพร่กระจายได้ด้วยการไอ จาม หรือพูดกันในระยะประชิด อาการคล้ายกับไข้หวัดธรรมดา ต่อมาจะเริ่มมีผื่นนูนแดงขึ้น บางรายอาจมีภาวะแทรกซ้อนรุนแรง เช่น ภาวะปอดบวม ซึ่งอาจทำให้เสียชีวิตได้ มักพบในผู้ป่วยที่เป็นเด็กหรือผู้ใหญ่ที่ไม่ได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโรค
โดยไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่ให้คำมั่นกับนานาชาติว่าจะกำจัดโรคหัดให้ได้ภายในปี 2020
ภาพ: Augustin Wamenya / AFP via Getty Images
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์
อ้างอิง: