×

ดาวโจนส์ร่วงหนัก 1,164 จุด ผวาพิษเงินเฟ้อสูง นักลงทุนเริ่มหวังให้ Fed ใช้ยาแรง ขึ้นดอกเบี้ย 0.75%

19.05.2022
  • LOADING...
ดาวโจนส์

กลายเป็นตลกร้ายที่ขำไม่ออกไปเสียแล้วสำหรับบรรดนักลงทุนทั้งหลาย ที่แม้จะไม่ค่อยชอบใจต่อแนวทางการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) แต่กลับต้องการให้ Fed เร่งขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่หนักหน่วงกว่าเดิม เพื่อจัดการเงินเฟ้อให้อยู่หมัด

 

ทั้งนี้ ความกังวลต่อสถานการณ์เงินเฟ้อที่พุ่งทุบสถิติสูงสุดของสหรัฐฯ ในรอบกว่า 40 ปี ล่าสุดฉุดให้ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ของสหรัฐฯ ร่วงหนักมากกว่า 1,000 จุด กลายเป็นการซื้อขายระหว่างวันที่เลวร้ายที่สุดนับตั้งแต่ปี 2020

 

ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวลดลง 1,164.52 จุด หรือ 3.57% ปิดที่ 31,490.07 จุด ส่วนดัชนี S&P 500 ลดลง 165.17 จุด หรือ 4.04% ปิดที่ 3,923.68 จุด และดัชนีแนสแด็กลดลง 566.37 จุด หรือ 4.73% ปิดที่ 11,418.15 จุด ส่งผลให้สภาพตลาดโดยรวมเข้าสู่ภาวะตลาดหมีอย่างชัดเจน

 

รายงานระบุว่า บรรดานักลงทุนส่วนหนึ่งต่างตั้งความหวังให้ Fed ขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพิ่มจาก 0.50% มาอยู่ที่ 0.75% ในการประชุม Fed ในเดือนมิถุนายนที่จะถึงนี้ แม้ว่าก่อนหน้านี้ เจอโรม พาวเวลล์ ประธาน Fed จะออกมายืนกรานหนักแน่นว่า Fed จะไม่ขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่มากกว่า 0.50%

 

บรรดานักวิเคราะห์ของ Bank of America เกรงว่าอีกไม่นานจะเกิดวงจรอุบาทว์ Wage-Price Spiral ที่ราคาสินค้าและค่าแรงสลับวนลูปปรับขึ้นจนเป็นวงจรเงินเฟ้อที่ยากจะแก้ไข อันเป็นผลจากการที่ Fed ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยน้อยเกินไป และปฏิกิริยาของตลาดในขณะนี้คือต่อให้ไม่ชอบการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่ 0.75% แต่การทำมากไปก็ยังดีกว่าการทำน้อยไปอยู่ดี

 

ด้าน Nomura Securities ได้ออกมาคาดการณ์ว่า Fed มีแนวโน้มที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่ 0.75% ในการประชุม Fed ประจำเดือนมิถุนายนและเดือนกรกฎาคมตามลำดับ

 

ร็อบ ซับบารามัน (Rob Subbaraman) หัวหน้าฝ่ายวิจัยตลาดโลกของ Nomura ระบุว่า แม้ Fed จะไม่มีการเอ่ยปากถึงการขึ้นอัตราดอกเบี้ยในระดับดังกล่าว แต่ภายใต้สถานการณ์เงินเฟ้อที่สูงลิ่วในปัจจุบัน โนมูระมั่นใจว่า Fed จะต้องมีความเคลื่อนไหวเพื่อทำให้ตลาดกลับมาคึกคักคล่องตัวอีกครั้ง

 

ขณะเดียวกัน นักวิเคราะห์อีกส่วนหนึ่งมองว่า Fed จำเป็นต้องใช้ยาแรงเพื่อฟื้นความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีต่อตลาดสหรัฐฯ รวมถึงตัว Fed เอง

 

ด้านหัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของ Deutsche Bank ระบุว่า ภายในสิ้นปี 2022 นี้ Fed มีสิทธิปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยแตะระดับ 5% ถือเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2006

 

วันเดียวกัน ทางด้าน เจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ ได้ออกโรงวิพาษ์วิจารณ์มาตรการกำแพงภาษีของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่นำมาใช้กีดกันสินค้านำเข้าจากจีน โดยระบุว่าการบังคับใช้มาตรการดังกล่าวมีส่วนทำให้สถานการณ์เงินเฟ้อของสหรัฐฯ ในเวลานี้เลวร้ายมากกว่าที่ควรเป็น และสนับสนุนให้รัฐบาลยกเลิกมาตรการกำแพงภาษีสินค้านำเข้าจากจีนบางชนิด เพื่อคลายวิกฤตเงินเฟ้อพุ่งในปัจจุบัน

 

ทั้งนี้ ความเห็นของเยลเลนครั้งนี้ไม่ได้หมายความว่าเจ้าตัวไม่เห็นด้วยกับแนวทางของอดีตประธานาธิบดีทรัมป์ ที่ใช้มาตรการภาษีเพื่อตอบโต้แนวปฏิบัติทางการค้าที่ทำให้เกิดความไม่เป็นธรรมของจีน เพียงแต่สินค้าบางรายการที่ใส่เข้าไปดูจะส่งผลเสียต่อผู้บริโภคและภาคธุรกิจของสหรัฐฯ มากกว่าจีน และว่ามาตรการกำแพงภาษีของทรัมป์บางข้อไม่ได้ช่วยแก้ไขปัญหาที่สหรัฐฯ มีกับจีนได้จริง ไม่ว่าจะเป็นปัญหาด้านความเปราะบางของห่วงโซ่อุปทาน ปัญหาความมั่นคง หรือแนวทางปฏิบัติต่อการค้าที่ไม่เป็นธรรม

 

รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ กล่าวก่อนหน้าการประชุมรัฐมนตรีคลังกลุ่ม G7 ที่เยอรมนีอีกว่า ประโยชน์ของการยกเลิกภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนไม่เพียงช่วยบรรเทาภาวะเงินเฟ้อเท่านั้น แต่ยังอาจเป็นประโยชน์ต่อผู้บริโภคและบริษัทต่างๆ โดยรวม

 

อย่างไรก็ตาม จนถึงขณะนี้ ทางการสหรัฐฯ ยังไม่มีการตัดสินใจใดๆ ออกมา เนื่องจากมีสัญญาณบ่งชี้ถึงความเห็นไปได้ที่เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ที่เกี่ยวข้องส่วนหนึ่งจะไม่เห็นด้วยให้ยกเลิกแทนกฎหมายดังกล่าว

 

เยลเลนยังตั้งข้อสังเกตอีกว่า ความมั่นคงด้านอาหารของโลกกำลังสั่นคลอน เพราะผลพวงจากสงครามของรัสเซียในยูเครนที่ทำให้ราคาอาหารและพลังงานสูงขึ้น ส่งผลกระทบฉุดให้ธุรกิจซบเซา ผลผลิตตกต่ำ และการใช้จ่ายชะลอตัว

 

อ้างอิง: 

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising