ความเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นสหรัฐฯ เมื่อวันอังคารที่ 21 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ปิดตลาดปรับตัวร่วงหนัก หลังพบสัญญาณการฟื้นตัวของกิจกรรมในภาคธุรกิจที่ฟื้นตัวได้อย่างแข็งแกร่งในเดือนกุมภาพันธ์ ตลอดจนรายได้จากกลุ่มบริษัทค้าปลีกที่ดีเกินคาด จนทำให้หลายฝ่ายกังวลว่า ความเคลื่อนไหวดังกล่าวจะเป็นปัจจัยหนุนให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) เดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากกว่าที่คาดการณ์กันไว้ก่อนหน้าเพื่อควบคุมเงินเฟ้อ
ทั้งนี้ ดัชนี Dow Jones Industrial Average ปรับตัวลดลง 697.10 จุด หรือ 2.06% ปิดที่ 33,129.59 จุด ส่วนดัชนี S&P 500 ปรับตัวลดลง 81.75 จุด หรือ 2.00% ปิดที่ 3,997.34 จุด และดัชนี Nasdaq ลดลง 294.97 จุด หรือ 2.50% ปิดที่ 11,492.30 จุด
โดยความเคลื่อนไหวของดัชนี Dow Jones Industrial Average และดัชนี S&P 500 เมื่อวานนี้ (21 กุมภาพันธ์) ถือเป็นการปรับตัวลดลงที่เลวร้ายที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 15 ธันวาคม
ด้านอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปี เพิ่มขึ้นเป็น 3.9% ในขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 2 ปี ปรับตัวสูงขึ้นเป็น 4.7% โดยอัตราทั้งสองยังแตะระดับที่ไม่เคยเห็นนับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน เนื่องจากผู้ค้ากังวลว่า ตัวเลขเงินเฟ้อที่ยังคงร้อนแรงเกินคาด จะทำให้ Fed คงอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นต่อไปอีกนาน ซึ่งอาจทำให้ฉุดให้เศรษฐกิจสหรัฐฯ เข้าสู่ภาวะถดถอย
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวยังมีขึ้น หลังจากที่มีการเปิดเผยรายงานว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อพบกิจกรรมภาคธุรกิจในสหรัฐฯ ฟื้นตัวสู่ระดับสูงที่สุดในรอบ 8 เดือน ในเดือนกุมภาพันธ์ คือแตะ 50.2 จากระดับ 46.8 ในเดือนมกราคมก่อนหน้า ซึ่งได้แรงหนุนจากภาคบริการที่แข็งแกร่ง สะท้อนให้เห็นภาพว่าเศรษฐกิจอเมริกายังคงมีความยืดหยุ่น แม้ว่า Fed จะเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยหลายระลอกในปี 2022 ที่ผ่านมาเพื่อสกัดเงินเฟ้อ
ทั้งนี้ นักวิเคราะห์มองว่า การที่ตัวเลขเงินเฟ้อยังคงห่างไกลจากอัตราเป้าหมาย Fed ที่ 2% ทำให้มีความเป็นไปได้อย่างมากที่ Fed จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกเล็กน้อย หรือคงระดับอัตราดอกเบี้ยไว้ที่จุดพีคสุดของอัตราดอกเบี้ยนโยบายของ Fed ซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ 5.35% ยาวไปอย่างน้อยตลอดทั้งปีนี้
อย่างไรก็ตาม Jeff Kilburg ซีอีโอของ KKM Financial คิดว่านักลงทุนควรยังคงมองโลกในแง่ดีแม้ว่าตลาดจะตกต่ำอย่างต่อเนื่อง โดยเขาประเมินว่า การพุ่งขึ้นของตลาดตราสารหนี้เป็นผลมาจาก ‘ผลกระทบที่ล่าช้า’ จากอัตรา Fed ที่สูงขึ้นมากกว่าการบ่งชี้ถึงภาวะตลาดหมี
ทั้งนี้ นักลงทุนต่างจับตารอดูรายงานการประชุมคณะกรรมการกำกับนโยบายการเงิน (Minutes) ของ Fed ซึ่งจะมีการเปิดเผยในวันนี้ (22 กุมภาพันธ์) รวมถึงข้อมูลเศรษฐกิจอื่นๆ ที่สำคัญที่จะมีการเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ซึ่งจะให้ข้อมูลเชิงลึกว่า Fed จะดำเนินนโยบายการเงินต่อไปอย่างไร รวมถึงดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ในวันศุกร์ที่ 24 กุมภาพันธ์นี้
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- ส่อง 9 หุ้นในพอร์ต กองทุนสิงคโปร์ GIC PRIVATE LIMITED มูลค่าเกือบ 4 หมื่นล้านบาท
- ทำความรู้จัก 7 หุ้น IPO น้องใหม่ เตรียมเข้าเทรดในตลาดหลักทรัพย์ฯ
- เจาะ 10 หุ้นมาร์เก็ตแคป เกิน 1 แสนล้าน ราคาร่วงแรงมากสุดนับจากต้นปี 2565
อ้างอิง: