ดัชนี Dow Jones ตลาดหุ้นนิวยอร์กวานนี้ (16 กรกฎาคม) ปรับตัวลดลงจากแรงขายหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี อาทิ หุ้นแอมะซอนและกูเกิล ขณะเดียวกันนักลงทุนยังวิตกเกี่ยวกับผลกระทบทางเศรษฐกิจและผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน เนื่องจากจำนวนผู้ติดเชื้อโควิดสายพันธุ์เดลตาเพิ่มขึ้นในสหรัฐฯ
ดัชนี Dow Jones Industrial Average ปิดที่ 34,687.85 จุด ลดลง 299.17 จุด หรือ -0.86%, ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 4,327.16 จุด ลดลง 32.87 จุด หรือ -0.75% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 14,427.24 จุด ลดลง 115.90 จุด หรือ -0.80%
ตลาดหุ้นนิวยอร์กปรับตัวลงท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของโรคโควิด โดยเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ลอสแอนเจลิสเคาน์ตีเปิดเผยว่า จะบังคับใช้คำสั่งสวมหน้ากากอนามัยอีกครั้งในช่วงสุดสัปดาห์นี้ ขณะที่ในวันศุกร์เจ้าหน้าที่สาธารณสุขระบุว่า จำนวนผู้ติดเชื้อโควิดในสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 70% ในสัปดาห์ก่อน และจำนวนผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้น 26%
สำหรับการเปิดเผยยอดค้าปลีกที่เพิ่มขึ้นเกินคาดของสหรัฐฯ นั้นไม่ได้ช่วยหนุนตลาด โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ เปิดเผยในวันศุกร์ว่า ยอดค้าปลีกเพิ่มขึ้น 0.6% ในเดือนมิถุนายน สวนทางนักวิเคราะห์ที่คาดว่าอาจลดลง 0.4% หลังจากดิ่งลง 1.7% ในเดือนพฤษภาคม
ส่วนยอดค้าปลีกพื้นฐาน ซึ่งไม่รวมยอดขายรถยนต์ น้ำมัน วัสดุก่อสร้าง และอาหาร เพิ่มขึ้น 1.1% ในเดือนมิถุนายน หลังจากลดลง 1.4% ในเดือนพฤษภาคม
ทั้งนี้ แม้ Dow Jones ในสัปดาห์ที่ผ่านมา (วันที่ 12-16 กรกฎาคม) ดัชนียังคงบวก 13% จากต้นปี และปรับลดลงเพียง 1.15% จากระดับสูงสุดตลอดกาล ส่วน S&P 500 เพิ่มขึ้น 15% จากปีที่แล้ว และต่ำกว่าระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ 1.51%
บิล มิลเลอร์ ประธานและประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการลงทุนของ Miller Value Partners สื่อสารกับนักลงทุนว่า ตลาดดูค่อนข้างคุ้มค่า หุ้นส่วนมากอยู่ในราคาที่ยังมีผลตอบแทนอีกราว 2-3% หรือหากลดลงก็จะไม่มากไปกว่านี้
“ในตลาดตอนนี้มีทั้งหุ้นที่ราคาเกินมูลค่าและต่ำกว่ามูลค่า ในความคิดของฉันยังมีหุ้นอีกมากมายที่น่าเข้าลงทุน”
อ้างอิง:
