×

‘Dow Jones’ ร่วงหนักกว่า 1,000 จุด หวั่น Fed คุมเงินเฟ้อไม่อยู่ ต้องกลืนน้ำลายขึ้นดอกเบี้ยแรง 0.75%

06.05.2022
  • LOADING...
Dow Jones

เพิ่งจะโล่งใจได้เพียงแค่ 1 วัน ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทของสหรัฐฯ เมื่อวานนี้ (5 พฤษภาคม) ก็พลิกกลับมาร่วงลงแดงทั้งกระดาน เมื่อนักลงทุนแห่เทขาย เพราะไม่เชื่อมั่นว่าคำสัญญาของเจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ที่ระบุจะไม่ขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% อาจจะไม่เป็นจริงได้ เนื่องจากสถานการณ์เงินเฟ้อที่รุนแรงในขณะนี้กลายเป็นแรงกดดันหลัก ทำให้นักลงทุนแห่เทขายออกมาครั้งใหญ่ กระทั่งกลายเป็นวันที่เลวร้ายที่สุดในรอบปีของตลาดหุ้นสหรัฐฯ

 

ทั้งนี้ดัชนีอุตสาหกรรม Dow Jones ดิ่งลงอย่างรุนแรง โดยขยับร่วงลงถึง 1,063.09 จุด หรือ 3.12% ปิดที่ 32,997.97 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 ลดลง 153.30 จุด หรือ 3.56% ปิดที่ 4,146.87 จุด และดัชนี Nasdaq ขยับลดลง 647.16 จุด หรือ 4.99% ปิดที่ 12,317.16 จุด

 

ก่อนหน้านี้เพียง 1 วัน ทางคณะกรรมการกำกับนโยบายการเงิน (FOMC) ของ Fed ได้มีมติเอกฉันท์ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.5% ซึ่งเป็นการประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยตามที่หลายฝ่ายคาดการณ์ไว้ นับเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่ใหญ่ที่สุดในรอบกว่า 20 ปี

 

เพื่อให้ตลาดคลายความวิตกกังวลว่า Fed จะไม่เร่งขึ้นอัตราดอกเบี้ยจนขวางการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ พาวเวลล์ในฐานะประธาน Fed ได้กล่าวในการแถลงข่าวภายหลังการประชุม ยืนกรานปฏิเสธความเป็นไปได้ในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ในการประชุมครั้งถัดไปของ Fed จนทำให้มีแรงซื้อกลับเข้ามาในตลาดอีกครั้ง

 

อย่างไรก็ตาม ด้วยภาวะเงินเฟ้อที่ยังคงสูงลิ่ว ทำให้บรรดานักลงทุนไม่มั่นใจว่าจะสามารถเชื่อถือคำมั่นสัญญาของพาวเวลล์ได้ และ Fed อาจต้องขึ้นอัตราดอกเบี้ยถึง 0.75% ในการประชุม Fed เดือนมิถุนายน

 

แดเนียล ดิมาร์ติโน บูธ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และหัวหน้านักกลยุทธ์ของ Quill Intelligence กล่าวว่า โลดแล่นอยู่ในตลาดมานานกว่า 25 ปี ยังไม่เคยเห็นการพลิกร่วงอย่างรุนแรงเช่นนี้มาก่อน แต่ความผันผวนดังกล่าวเป็นเรื่องที่สามารถเข้าใจได้

 

ด้าน จอห์น ลินช์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการเงินของบริษัท Comerica Wealth Management กล่าวว่า การผันผวนของตลาดอย่างรวดเร็วบ่งชี้ว่านักลงทุนทั้งหลายก็ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรต่อไปดี

 

ส่วน ริก ไรเดอร์ ประธานเจ้าหน้าที่ด้านการลงทุนของ BlackRock เสริมว่า สถานการณ์เงินเฟ้อในขณะนี้ บวกกับปัญหาเรื่องการจ้างงาน และการเติบโตที่ยังอ่อนแอ ทำให้ไม่อาจวางใจได้ว่าการขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพียงแค่ 0.5% จะสามารถคุมเงินเฟ้อได้อยู่หมัด

 

สำหรับหุ้นที่ปรับตัวลงมากที่สุดเมื่อวานนี้ (5 พฤษภาคม) คือหุ้นในกลุ่มเทคโนโลยีทั้งหลาย เช่น META บริษัทแม่ของ Facebook ที่ปรับตัวลดลงเกือบ 6.8% ส่วนหุ้น Amazon ลดลงถึง 7.6% และ Alphabet บริษัทแม่ของ Google ลดลง 4.7%

 

ด้านราคาน้ำมันดิบขยับขึ้นเพียงเล็กน้อย โดยน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส งวดส่งมอบเดือนมิถุนายน เพิ่มขึ้น 45 เซนต์ ปิดที่ 108.26 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ด้านเบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนกรกฎาคม เพิ่มขึ้น 76 เซนต์ ปิดที่ 110.90 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล

 

ราคาน้ำมันดิบที่ขยับขึ้นเป็นผลจากการที่สมาชิกกลุ่มสหภาพยุโรป (EU) เลิกนำเข้าผลิตภัณฑ์กลั่นอย่างค่อยเป็นค่อยไปในช่วงสิ้นปี 2022 แบนทุกการขนส่งและบริการรับประกันสำหรับธุรกิจขนส่งน้ำมันของรัสเซีย

 

ขณะที่ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่แข็งแกร่งขึ้นได้ส่งผลให้ราคาทองคำเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบแคบ โดยราคาทองคำโคเม็กซ์งวดส่งมอบเดือนมิถุนายน ลดลง 6.90 ดอลลาร์สหรัฐ ปิดที่ 1,875.70 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์

 

ส่วนมูลค่าของสินทรัพย์ดิจิทัลอย่าง Bitcoin ก็ปรับตัวลดลงเช่นกัน โดยมูลค่า Bitcoin ลดลงถึง 8.4% ลงมาอยู่ที่ 36,639 ดอลลาร์สหรัฐ เป็นการลดลงระหว่างการซื้อขายระหว่างวันที่เลวร้ายที่สุด นับตั้งแต่วันที่ 11 เมษายน 

 

ราคาที่ลดลงยังส่งผลต่อ Block Inc บริษัท ฟินเทคภายใต้การบริหารของ แจ็ค ดอร์ซีย์ ผู้ก่อตั้ง Twitter มีรายได้น้อยกว่าเป้าที่วางไว้ โดยรายรับของ Block ลดลง 22% มาอยู่ที่ 3,960 ล้านดอลลาร์สหรัฐในช่วงไตรมาสแรก และบริษัทได้รับผลกำไรที่ปรับปรุงแล้ว 18 เซนต์ต่อหุ้น

 

อ้างอิง: 

 


 

ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH


Twitter: twitter.com/standard_wealth
Instagram: instagram.com/thestandardwealth
Official Line: https://lin.ee/xfPbXUP

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising