ความเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นวอลล์สตรีทเมื่อคืนที่ผ่านมา (16 มีนาคม) กลับมาปิดตลาดในแดนบวกอีกครั้ง แม้จะมีการซื้อขายที่ค่อนข้างผันผวน โดยเป็นการขานรับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ตามความคาดหมาย อีกทั้งยังส่งสัญญาณพร้อมปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากกว่าเดิม หากจำเป็นเพื่อสู้กับภาวะเงินเฟ้อ
โดยดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปรับตัวเพิ่มขึ้น 518.76 จุด หรือ 1.55% ปิดที่ 34,063.10 จุด ส่วนดัชนี S&P 500 ขยับเพิ่มขึ้น 95.41 จุด หรือ 2.24% ปิดที่ 4,357.86 จุด และดัชนี Nasdaq เพิ่มขึ้น 487.93 จุด หรือ 3.77% ปิดที่ 13,436.55 จุด
การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของ Fed เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2018 ถือเป็นการตอบรับความคาดหวังของตลาด โดย เดวิด เคลลี่ หัวหน้านักกลยุทธ์ตลาดโลกของ J.P. Morgan Asset Management ให้สัมภาษณ์กับทาง CNBC ระบุว่า เป็นเรื่องจำเป็นที่ Fed จะต้องปรับอัตราดอกเบี้ยให้กลับเข้าสู่ภาวะปกติ แต่ท่ามกลางปัจจัยไม่แน่นอนที่รุมล้อมอยู่ในปัจจุบัน จึงต้องการให้ Fed มีความยืดหยุ่นในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยด้วย เพราะต้องไม่ลืมว่าสหรัฐฯ ใช้นโยบายผ่อนคลายมานาน การหันกลับมาใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวดขึ้นย่อมมีผลกระทบทางลบที่ตามมาด้วยเช่นกัน
ทั้งนี้ ในช่วงแรกของการเปิดตลาดซื้อขายเมื่อวานนี้ (16 มีนาคม) ความเคลื่อนไหวของหุ้นยังอยู่ในช่วงขาลง ก่อนปรับตัวฟื้นขึ้นกลับมาอยู่ในแดนบวก หลังแถลงการณ์ของ Fed ออกมาขึ้นอัตราดอกเบี้ย ซึ่งทำให้นักลงทุนฟื้นความมั่นใจ เพราะเชื่อว่าท่าทีของ Fed ดังกล่าวจะส่งผลดีต่อการเติบโตของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในระยะยาว และทำให้อัตราดอกเบี้ยปรับลดลงได้
การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของ Fed ยังส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ อายุ 10 ปี ปรับตัวเพิ่มขึ้นจนจังหวะหนึ่งของการซื้อขายเมื่อวานนี้ (16 มีนาคม) ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่ปี 2019 ที่ 2.24% ก่อนที่จะปรับตัวมาอยู่ที่ 2.174%
ด้านอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 30 ปี ปรับตัวลงสู่ระดับ 2.444%
เกรก แมคไบรด์ หัวหน้านักวิเคราะห์ทางการเงินของ Bankrate กล่าวว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยธนาคารกลางสหรัฐฯ ถือเป็นจุดเริ่มต้นของกระบวนการคลี่คลายมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในยุคการระบาดใหญ่ของไวรัสโควิด เพื่อพยายามควบคุมอัตราเงินเฟ้อ ซึ่งเป็นภารกิจระยะยาวที่ไม่ใช่ทำครั้งเดียวเสร็จ
การตัดสินใจของ Fed ครั้งนี้ยังส่งผลให้นักลงทุนแห่เทขายทองคำ ทำให้ราคาทองคำปิดตลาดในแดนลบ โดยราคาทองคำโคเม็กซ์งวดส่งมอบเดือนเมษายนลดลง 20.50 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,909.20 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ด้านราคาน้ำมันยังคงขยับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง ขานรับความคืบหน้าของการเจรจาสันติภาพระหว่างรัสเซียกับยูเครน บวกกับความคืบหน้าในการรื้อฟื้นข้อตกลงนิวเคลียร์ในปี 2015 ระหว่างสหรัฐฯ กับอิหร่าน ที่จะเปิดทางให้อิหร่านส่งออกน้ำมันดิบในอีกครั้ง
โดยราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส งวดส่งมอบเดือนเมษายน ลดลง 1.40 ดอลลาร์ ปิดที่ 95.04 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ด้านน้ำมันดิบเบรนต์ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนพฤษภาคม ลดลง 1.89 ดอลลาร์ ปิดที่ 98.02 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
อ้างอิง:
- https://www.cnbc.com/2022/03/15/stock-market-futures-open-to-close-news.html
- https://www.cnbc.com/2022/03/16/us-bonds-treasury-yields-rise-ahead-of-fed-decision.html
ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH
Twitter: twitter.com/standard_wealth
Instagram: instagram.com/thestandardwealth
Official Line คลิก https://lin.ee/xfPbXUP