ความเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นวอลล์สตรีทของสหรัฐฯ เมื่อคืนนี้ (23 มีนาคม) ปิดตลาดภาคบ่ายปรับตัวในแดนลบ โดยเฉพาะดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ที่ร่วงลงมากกว่า 300 จุด โดยหุ้นที่ปรับตัวลดลงส่วนใหญ่ล้วนเป็นหุ้นของบริษัทที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบมากที่สุดหากเศรษฐกิจโลกต้องเผชิญกับปัจจัยสะดุดต่างๆ ซึ่งรวมถึงการระบาดอีกระลอกของโรคโควิด-19 และความเป็นไปได้ที่รัฐบาลประธานาธิบดีโจ ไบเดนของสหรัฐฯ จะเดินหน้าปรับขึ้นภาษีนิติบุคคล
สถานีโทรทัศน์ CNBC รายงานว่า ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปรับตัวลดลง 308.05 จุดหรือ 0.9% มาอยู่ที่ 32,423.15 จุด โดยหุ้นของ Caterpillar ผู้ผลิตและจำหน่ายรถก่อสร้าง ปรับตัวลดลงมากที่สุดที่ 3.4% ส่วนดัชนี S&P 500 ลดลง 0.8% ปิดที่ 3,910.52 จุด และดัชนีแนสแด็ก คอมโพสิต ปรับตัวลดลง 1.1% ปิดที่ 13,227.70 จุด
นอกจากหุ้นในกลุ่มอุตสาหกรรมแล้ว นักลงทุนยังแห่เทขายหุ้นที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวและการโรงแรม หลังจากที่หลายประเทศประกาศยกระดับมาตรการคุมเข้มเพื่อสกัดกั้นการระบาดของโรคโควิด-19 โดยหุ้นของเรือสำราญ Carnival กับ Norwegian Cruise ร่วงหนักสุดมากกว่า 7% สายการบินอเมริกันแอร์ไลน์ส และยูไนเต็ดแอร์ไลน์ส ลดลงมากกว่า 60% และ Gap บริษัทค้าปลีกเสื้อผ้าที่มีสาขาอยู่ทั่วสหรัฐฯ ลดลงเกือบ 8%
ความเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นมีขึ้นหลังองค์การอนามัยโลก (WHO) ออกมาเตือนให้ทั่วโลกเฝ้าระวังสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 ชนิดกลายพันธุ์ หลังมีรายงานที่ยังคงพบผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนหลายประเทศ โดยเฉพาะในยุโรปอย่างเยอรมนี และฝรั่งเศส ทยอยขยายมาตรการล็อกดาวน์
ความกังวลเกี่ยวกับข้อจำกัดรอบใหม่ในการสกัดโควิด-19 และการแจกจ่ายวัคซีนที่ล่าช้า บวกกับข้อวิตกที่รัฐบาลสหรัฐฯ อาจปรับขึ้นภาษีนิติบุคคล ไม่เพียงทำให้นักลงทุนในตลาดแห่เทขายเท่านั้น แต่ยังฉุดราคาน้ำมันให้ดิ่งลงมากกว่า 6% โดยราคาน้ำมันดิบเวสต์ เท็กซัส งวดส่งมอบเดือนพฤษภาคม ลดลง 3.79 ดอลลาร์สหรัฐ ปิดที่ 57.76 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบเบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนพฤษภาคม ลดลง 3.83 ดอลลาร์สหรัฐ ปิดที่ 60.79 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล
ขณะเดียวกัน ทางสถานีโทรทัศน์ CNBC รายงานว่า เมื่อวานนี้เป็นวันครบรอบ 1 ปีที่ตลาดวอลล์สตรีทอยู่ในภาวะตลาดกระทิง หรือตลาดขาขึ้น โดยภาวะตลาดกระทิงช่วงแรกเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2020 ที่ดัชนีปิดตลาดทุบสถิติสูงสุดตลอดกาล ก่อนที่หลังจากนั้นจะปรับตัวร่วงลง 34% เข้าสู่ภาวะตลาดหมีในวันที่ 23 มีนาคม 2020 และค่อยๆ ไต่ระดับขึ้นมาใหม่ และเข้าสู่สภาวะตลาดกระทิงอีกครั้งในวันที่ 18 สิงหาคม 2020
นักวิเคราะห์ระบุว่า ที่ผ่านมา ลักษณะของตลาดกระทิงที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นในระลอกสองนี้มักจะมีแนวโน้มพาตลาดกลับมาสดใสอย่างแข็งแกร่ง ซึ่งสำหรับกรณีนี้ มีความเป็นไปได้ที่จะมีข่าวดีทยอยออกมาให้ราคาหุ้นในตลาดดีดตัวกลับมาแข็งแรงมากขึ้น และส่วนใหญ่จะเป็นการทำกำไรอย่างเงียบๆ
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์
อ้างอิง:
