×

ห้ามถาม ห้ามบอก อดีตกฎหมายที่คู่รักเพศเดียวกันในกองทัพสหรัฐฯ ต้องเผชิญ

23.01.2018
  • LOADING...

คุณเชื่อไหม ความรักเกิดขึ้นได้ทุกที่บนโลก แม้แต่ภายในกองทัพหรือสมรภูมิรบ

 

กองทัพสหรัฐฯ กองทัพที่มีขนาดใหญ่และทรงพลังมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ก็เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่เรื่องราวความรักมากมายเกิดขึ้นที่นี่ เรื่องราวของกัปตันแดเนียล ฮอลล์ (Capt. Daniel Hall) วัย 30 ปี และกัปตันวินเซนต์ ฟรานชิโน (Capt. Vincent Franchino) วัย 26 ปี คู่รักนักบินประจำเฮลิคอปเตอร์อาปาเช่ก็เป็นหนึ่งในนั้น

 

 

ทั้งคู่พบกันครั้งแรกที่โรงเรียนเตรียมทหาร West Point ในเดือนสิงหาคมปี 2009 ในช่วงกิจกรรมที่เปิดโอกาสให้รุ่นน้องสามารถแก้เผ็ดเอาคืนรุ่นพี่ได้ โดยสามารถออกคำสั่งให้พวกรุ่นพี่ทำอะไรก็ได้ เพื่อเป็นการถ่วงเวลาให้พวกเขากลับบ้านไปใช้เวลากับครอบครัวในช่วงวันหยุดช้าที่สุด กัปตันแดนถูกสั่งหมอบและคลานเป็นเวลาเกือบ 1 ชั่วโมงเต็มๆ และถูกสั่งให้คลานกลับที่พักเป็นระยะทางเกือบ 100 เมตร โดยไม่รู้เลยว่าภายในที่พักมีรุ่นน้องซ่อนตัวอยู่ เพื่อจะแกล้งให้ตกใจถึง 4 คน และหนึ่งในนั้นก็คือกัปตันวินนีย์ และเขาก็ทำสำเร็จ

 

 

ภาพที่กัปตันแดนสะดุ้งโหยงและกระโดดข้ามโต๊ะไปด้วยความตกใจ ยังสร้างเสียงหัวเราะและรอยยิ้มให้กับกัปตันวินนีย์ได้ทุกครั้งที่นึกถึง โดยกัปตันแดนเผยว่า ผู้ชายคนนี้กล้ามากและเขาก็น่ารักมากๆ ด้วยเช่นกัน กิจกรรมนั้นทำให้ทั้งคู่จดจำกันและกันได้

 

เดือนมกราคม ปี 2010 พวกเขาทั้งคู่ต่างเจาะจงเลือกกันและกันเป็นพาร์ตเนอร์ตามหลักสูตรพี่เทรนน้อง ที่อนุญาตให้รุ่นพี่ให้คำแนะนำรุ่นน้องที่มีเป้าหมายหรือเส้นทางอาชีพที่คล้ายกันได้ และหลักสูตรนี้ก็ทำให้ทั้งคู่ได้ใกล้ชิดกันและเริ่มเรียนรู้ซึ่งกันและกันมากยิ่งขึ้น

 

 

ความรักเกิดขึ้นได้ทุกที่แม้ในกองทัพ แต่กองทัพไม่ใช่พื้นที่ที่ทุกความรักจะได้แสดงออก

 

แม้ความรักของพวกเขาจะก่อตัวขึ้นอย่างช้าๆ แต่พฤติกรรมและอารมณ์ความรู้สึกเหล่านั้นจะต้องเก็บงำและปิดไว้เป็นความลับ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะผลของ ‘นโยบายห้ามถาม ห้ามบอก (Don’t Ask Don’t Tell)’ ที่เริ่มมีผลบังคับใช้อย่างเป็นรูปธรรมภายในกองทัพสหรัฐฯ ตั้งแต่เดือนตุลาคม ปี 1993 ในสมัยของรัฐบาลบิล คลินตัน

ที่ไม่อนุญาตให้สมาชิกของกองทัพ ทั้งกลุ่มรักเพศเดียวกัน หรือกลุ่มไบเซ็กชวลเปิดเผยรสนิยมทางเพศของตนเอง ห้ามพูดถึงความสัมพันธ์ในลักษณะดังกล่าว รวมถึงเรื่องแต่งงาน

 

 

นอกจากนี้ผู้บังคับบัญชาเองก็ไม่มีสิทธิ์ไต่ถามหรือสอบสวนหาข้อเท็จจริงที่เกี่ยวของกับรสนิยมทางเพศของนายทหารชั้นผู้น้อย ซึ่งหากฝ่าฝืนอาจจะได้รับโทษทางวินัยร้ายแรง โดยกองทัพสหรัฐฯ มองว่า นโยบายดังกล่าวจะมีส่วนช่วยในการป้องกันการเลือกปฏิบัติ รวมถึงสถานการณ์ที่อาจจะก่อความวุ่นวายขึ้นได้ภายในกองทัพ

 

กัปตันแดนเผยว่า “การเป็นเพื่อนกันที่โรงเรียนเตรียมทหาร ทำให้เราได้เรียนรู้ซึ่งกันและกัน และรับรู้ว่าอีกฝ่ายหนึ่งก็เป็นเกย์ แม้ว่าเราจะได้ใกล้ชิดกัน มีความรู้สึกดีๆ ให้แก่กัน แต่พวกเราก็ไม่สามารถพูดหรือแสดงออกอะไรได้เลยแม้แต่น้อย

 

“มันน่าโมโหมากๆ เวลาที่คน 2 คนมีความรู้สึกดีๆ ให้กัน แต่กลับไม่ได้รับอนุญาตให้แสดงออกถึงความรู้สึกเหล่านั้น พวกเราต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบและนโยบายที่พยายามบอกให้พวกเราโกหกตัวเราเอง โกหกว่าพวกเราเป็นใคร พวกเราเป็นอะไร”

 

กัปตันวินนีย์เสริมว่า “พวกเราไม่กล้าที่จะพูดความจริง เพราะเราไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับเราทั้งคู่ เราจะต้องคอยเตือนตัวเองเสมอว่าจะไม่พูดว่าเราเป็นเกย์ พวกเราจะไม่ปล่อยใจไปตามอารมณ์ความรู้สึกและจะต้องไม่แสดงออกถึงพฤติกรรมเหล่านั้นภายในกองทัพเด็ดขาด”

 

 

แต่นโยบายห้ามถาม ห้ามบอกนี้ก็ถูกยกเลิกไปตามมติของสภาครองเกรสในช่วงปลายปี 2011 ในสมัยของรัฐบาลบารัก โอบามา ซึ่งทำให้เขาได้รับเสียงสนับสนุนและคะแนนนิยมอย่างมากจากกลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศในสหรัฐฯ ซึ่งการยกเลิกกฎข้อบังคับดังกล่าวทำให้คู่รักเพศเดียวกันหลายคู่ภายในกองทัพเริ่มทยอยเปิดตัวและมีพื้นที่เป็นของตัวเองเพิ่มมากขึ้น โดยทางครอบครัวของทั้งคู่ต่างรับรู้เรื่องราวความรักของพวกเขาผ่านเฟซบุ๊ก สนับสนุนและยอมรับในสิ่งที่ลูกชายของพวกเขาเป็น ครอบครัวของกัปตันวินนีย์ยังเผยว่า “วินนีย์ดูสดใสร่าเริงและมีความสุขแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน”

 

ทั้งคู่ตัดสินใจเริ่มเดตกันอย่างเปิดเผยและปฏิบัติเหมือนคนรักทั่วไปในเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2012 แต่การเดินจับมือกัน โอบกอดกันในพื้นที่สาธารณะ ทำให้สังคมจับจ้องมาที่เขา ความรู้สึกอึดอัดจากสายตาคนรอบข้าง ประกอบกับต้องเดินทางไปประจำการยังต่างประเทศ ระยะทางทำให้ทั้งคู่ตัดสินใจยุติความสัมพันธ์ลงในที่สุด พร้อมกับเปิดโอกาสให้กับคนใหม่ๆ เข้ามาในชีวิต

 

Photo: Danny Kim for The New York Times

 

ทั้งคู่ได้กลับมาพบกันอีกครั้ง แม้อาจจะไม่บ่อยนัก เนื่องจากยังต้องประจำการอยู่ต่างประเทศ แต่ทั้งคู่ต่างก็ปรับตัวและออกแบบความรักให้ลงตัวมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ พร้อมตระหนักดีว่าพวกเขาต่างเป็นความสุขของกันและกัน ระยะทางแสนไกลหรือสายตาของผู้คนที่ใจไม่เปิดกว้างไม่ใช่อุปสรรคต่อความรักของพวกเขาทั้งคู่อีกแล้ว

 

กัปตันประจำเฮลิคอปเตอร์อาปาเช่ทั้งสองคนตัดสินใจเข้าพิธีแต่งงาน พร้อมเดินลอดซุ้มกระบี่อย่างสมเกียรติ บริเวณหน้าโบสถ์ในโรงเรียนเตรียมทหาร West Point สถานที่ที่ความรักของทั้งคู่เริ่มต้นขึ้น โดยมีแขกผู้มีเกียรติ รวมถึงนายทหารชั้นผู้ใหญ่กว่า 150 คนเข้าร่วมแสดงความยินดีในพิธีดังกล่าว นับเป็นอีกหนึ่งคู่รักในกองทัพสหรัฐฯ ที่ฟันฝ่าอุปสรรคร่วมกันมานับครั้งไม่ถ้วนและได้ใช้ชีวิตในฐานะคู่รักเพศเดียวกันที่จดทะเบียนสมรสอย่างถูกต้องตามกฎหมายในที่สุด

 

 

Be yourself ขอให้ทุกความรักจงเจริญ…

 

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

Close Advertising
X