ปี 2021 นับเป็นปีที่ตลาดคริปโตเคอร์เรนซีมีการเติบโตอย่างก้าวกระโดดเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ถ้าจะบอกว่าปีนี้เป็นปีทองของตลาดคริปโตเคอร์เรนซีก็ฟังดูไม่ได้เกินจริงเท่าไรนัก โดยนำทัพด้วยพี่ใหญ่อย่าง Bitcoin ทุบทุกสถิติที่เคยมีมา ทำ All Time High ติดต่อกันแทบจะทุกเดือน และปัจจุบันได้มีมูลค่าทางการตลาดพุ่งสูงถึง 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐเลยทีเดียว ยังไม่พอแค่นั้น ยังมีอีกหนึ่งเหรียญที่สร้างบิ๊กเซอร์ไพรส์ครั้งใหญ่ ด้วยการทำราคา All Time High อยู่ที่ 0.74 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งขึ้นมาจากราคาต่ำสุดเมื่อต้นปีที่ 0.0046 ดอลลาร์สหรัฐ ทำให้มีมูลค่าเพิ่มขึ้นสูงกว่า 16,000% เลยทีเดียว และแน่นอนเหรียญนั้นจะเป็นใครไปไม่ได้ นอกจาก Dogecoin เพราะสาเหตุใดกันแน่ที่ทำให้ Dogecoin มีการเติบโตในระดับที่สูงจนเกินคาดขนาดนี้ หรือว่าจริงๆ แล้วเหรียญนี้จะมีอะไรซับซ้อนมากกว่าที่คุณคิด
อะไรคือ Dogecoin
Dogecoin อ่านว่า โดชคอยน์ เป็นหนึ่งในสกุลเงินดิจิทัล (คริปโตเคอร์เรนซี) รุ่นแรกๆ ที่ถูกสร้างขึ้นเมื่อวันที่ 6 ธันวาคม 2013 ผู้สร้างคือ แจ็คสัน พาล์มเมอร์ โปรแกรมเมอร์ของ Adobe และ บิลลี มาร์คัส วิศวกรของ IBM โดยใช้โลโก้เป็นมีมที่ชื่อว่า Doge ซึ่งเป็นรูปของสุนัขพันธุ์ชิบะอินุ ด้วยแนวคิดในตอนแรกที่ต้องการให้เป็นมีมที่มีความตลกเฮฮาและใช้ล้อเลียน Bitcoin แต่ภายหลังใครจะคาดคิดว่ามันกลับเป็นที่นิยมและมีกระแสบนโลกออนไลน์ที่ฮือฮาอย่างไม่น่าเชื่อ
Dogecoin มีจำนวนการผลิตเหรียญที่ไม่จำกัด แตกต่างจาก Bitcoin ที่มีจำนวนจำกัด โดยมีระบบการทำงานแบบ Proof-of-Work เช่นเดียวกับ Bitcoin และใช้ กระบวนการการเข้ารหัส (Hash Function) คือ Scrypt โดยมันถูกพัฒนามาจาก Litecoin (สกุลเงินดิจิทัลที่ถูกคัดลอกมาจากของ Bitcoin) ทำให้สามารถโอนได้อย่างรวดเร็ว
โดยในช่วงแรก Dogecoin มีการใช้งานเพื่อให้เป็นทิปต่างๆ บนโลกออนไลน์ เมื่อผู้คนถูกใจในความคิดเห็นหรือสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ก็นิยมส่ง Dogecoin เป็นของขวัญให้แก่กันและกัน โดยเฉพาะบนชุมชน Reddit อีกทั้ง Dogecoin ยังถูกใช้เพื่อการกุศลต่างๆ มากมาย อาทิ การระดมทุนให้นักกีฬาโอลิมปิก รวมไปถึงการบริจาคเพื่อสร้างบ่อน้ำสะอาดให้ชาวเคนยา ด้วยเหตุนี้ Dogecoin จึงมีชุมชนของผู้ใช้งานที่เหนียวแน่น ทำให้ Dogecoin ได้รับฉายาว่าเป็นเหรียญของประชาชน
กระแสที่โด่งดังของ Dogecoin เกิดขึ้นมาได้อย่างไร
คงปฏิเสธไม่ได้ว่าความน่ารักของโลโก้สุนัขพันธุ์ชิบะอินุก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ผู้คนเลือกซื้อขายแลกเปลี่ยนเหรียญ Dogecoin กันอย่างแพร่หลาย Dogecoin ให้ความรู้สึกที่เป็นมิตรกับผู้คน จึงทำให้เกิดการพูดถึงตามชุมชนต่างๆ บนโลกออนไลน์ จากผู้คนจำนวนน้อยแพร่ขยายไปสู่วงกว้างมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังมีราคาในการซื้อขายแลกเปลี่ยนที่ค่อนข้างต่ำ ทำให้ง่ายต่อการถือครอง
แต่จุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้ Dogecoin โด่งดังเป็นพลุแตกและมีมูลค่าเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดในชั่วข้ามคืน เริ่มต้นจากการที่เศรษฐีอันดับต้นๆ ของโลกออกมาแสดงความคิดเห็นผ่านทาง Twitter ซึ่งเขาก็คือ อีลอน มัสก์ ซีอีโอของบริษัท Tesla และ SpaceX เมื่อวันที่ 2 เมษายน 2019 โดยมีใจความว่า “Dogecoin เป็นสกุลเงินดิจิทัลโปรดของผม และ Dogecoin มันเจ๋งมาก” และหลังจากนั้นอีลอน มัสก์ก็มีการโพสต์ข้อความที่เกี่ยวข้องกับ Dogecoin ผ่าน Twitter อย่างต่อเนื่อง จนปลุกกระแสให้เหล่าคนดังในแวดวงต่างๆ ออกมาร่วมกันสนับสนุน Dogecoin มากมาย จึงเป็นปัจจัยที่สร้างแรงกระตุ้นให้ผู้คนบนโลกออนไลน์ต่างแห่กันเข้ามาซื้อขายเพื่อถือครองเหรียญมีมสุดน่ารักอย่าง Dogecoin ด้วยเหตุผลนี้ จึงเป็นส่วนสำคัญในการผลักดันมูลค่าของ Dogecoin ให้พุ่งแตะขอบฟ้าในระยะเวลาไม่กี่เดือน
ณ วันที่ 9 พฤษภาคม 2021 บริษัททางด้านธุรกิจการขนส่งทางอวกาศ Space X ซึ่งมีซีอีโอคืออีลอน มัสก์ ได้มีการประกาศว่าจะใช้ Doge เป็นสกุลเงินในอวกาศ และตั้งชื่อดาวเทียมว่า Doge-1 เพื่อใช้ในภารกิจต่อไป ในปัจจุบัน Dogecoin ได้กลายเป็นสกุลเงินดิจิทัลที่มีมูลค่าทางการตลาดสูงเป็นอันดับที่ 4 อ้างอิงจากเว็บไซต์ CoinMarketCap จึงสามารถยืนยันได้ในระดับหนึ่งว่า Dogecoin กำลังเป็นที่ยอมรับของผู้คนจำนวนมาก และมันกำลังจะสร้างความเปลี่ยนแปลงในสิ่งใหม่ๆ ต่อไป
Dogecoin จะเป็นเหรียญแห่งโลกอนาคต หรือต้องจบลงเมื่อหมดกระแส?
บางคนอาจจะคิดว่า Dogecoin เป็นอะไร? อย่าง แซม แบงก์แมนฟรายด์ ซีอีโอของกระดานเทรดเหรียญดิจิทัล FTX ที่กล่าวว่า “ถ้า Dogecoin เป็นสกุลเงินดิจิทัลที่ไร้สาระแล้วทำไมถึงมีมูลค่าทางการตลาดเพิ่มสูงขึ้นอย่างมหาศาล ไม่ว่าจะเป็นทองคำหรือ Bitcoin พวกมันต่างก็มีมูลค่ามาจากความเชื่อของผู้คน และวันนี้ผู้คนต่างก็เชื่อมั่นใน Dogecoin เช่นกัน” โดย แซม แบงก์แมนฟรายด์ มองว่า ปริมาณการสนับสนุนและความเชื่อมั่นของผู้คนที่มีต่อเหรียญมีมอย่าง Dogecoin อาจเปลี่ยนแปลงให้มันสามารถกลายเป็นสกุลเงินดิจิทัลที่ใช้จ่ายได้อย่างแพร่หลายในโลกอนาคต
แต่ในอีกมุมหนึ่งก็อาจจะมีคนมองว่ามันเป็นเรื่องไร้สาระ มัลเท็ม เดมิเรอร์ส ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายกลยุทธ์ของ CoinShares ได้กล่าวถึงข้อกังวลเกี่ยวกับ Dogecoin ว่า “Dogecoin มีปริมาณการผลิตอย่างไม่จำกัด โดยมีการผลิตมากกว่า 5 พันล้าน Doge ต่อปี ซึ่งแตกต่างกับ Bitcoin อย่างสิ้นเชิง ด้วยความแตกต่างนี้จะทำให้ส่งผลกระทบต่อราคา Dogecoin ในอนาคตอย่างแน่นอน” โดยเธอมองว่า Dogecoin ตราบใดที่ยังไม่มีนักพัฒนาภายในระบบ ก็จะไม่มีสถาบันไหนกล้าเข้ามาลงทุน ซึ่งเธอเชื่อว่าเมื่อความคึกคะนองของผู้คนที่มีต่อ Dogecoin หายไป ก็เท่ากับว่ามันอาจจะถึงจุดสิ้นสุดของ Dogecoin ก็เป็นได้
เหรียญที่อาจจะไม่ได้มีดีแค่ที่มีม
แน่นอนว่าเหรียญคริปโตเคอร์เรนซีที่ดูตลกๆ นี้นั้นได้รับความคิดเห็นที่แตกต่าง ซึ่งในอีกแง่หนึ่งแล้ว Dogecoin ก็มีบางมุมที่เหมือนกันกับ Bitcoin นั่นคือ Dogecoin เป็นเหรียญที่มีความเป็น Decentralized สูงอย่างน่าสนใจ ทำให้มันมีคุณสมบัติที่เหมาะกับการเป็นสกุลเงิน เพราะเนื่องจากความที่ Dogecoin ถูกสร้างมาเพื่อความตลกเฮฮาและเป็นสีสันบนโลกของสกุลเงินดิจิทัล จึงทำให้ใครหลายๆ คนเลือกที่จะมองข้ามแทนที่จะพยายามควบคุมมัน
แม้แต่ตัวเจ้าของผู้สร้างเหรียญ Dogecoin เองก็ได้ทำการเทขายเหรียญที่ตนเองถือครองทั้งหมดไปในปี 2015 ซึ่งในขณะนั้นมีมูลค่าเพียงแค่พอซื้อรถ Honda Civic มือสองเท่านั้น เพราะเหตุผลนี้จึงทำให้ Dogecoin มีการกระจายตัวในการถือครองของผู้ใช้งานได้ดีมาก ปราศจากการถูกควบคุมโดยใครคนใดคนหนึ่ง ดังนั้นมันก็อาจจะมีอนาคตที่ดีก็เป็นได้
มีบางความเห็นที่คิดว่าในปัจจุบันโควิด-19 ก็เป็นตัวเร่งอัตราการเกิดเงินเฟ้อให้เร็วขึ้น โดยทางรัฐบาลของสหรัฐอเมริกาจำเป็นต้องออกคำสั่งให้ธนาคารกลางทำการพิมพ์เงินอัดฉีดเข้าสู่ระบบเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจให้สามารถฟื้นตัวได้เร็วขึ้น และอาจเป็นสาเหตุให้ Doge มีมูลค่าเพิ่มขึ้นจากเม็ดเงินปริมาณมหาศาลจากการพิมพ์เงินของรัฐบาลที่ไหลเข้าสู่ตลาดคริปโตเคอร์เรนซี
หากเรามองในบางมุม เราอาจจะคิดได้ว่ามูลค่าของ Dogecoin นั้นอาจเป็นดัชนีที่ชี้วัดว่าในปัจจุบันตลาดคริปโตเคอร์เรนซีนั้นเป็นอย่างไร โดยในปี 2018 ในช่วงที่ตลาดคริปโตเคอร์เรนซีกำลังร้อนแรง บิลลี มาร์คัส ผู้ก่อตั้ง Dogecoin ได้ออกมาพูดว่า “มันก็สามารถบอกอะไรได้หลายอย่างเกี่ยวกับสกุลเงินดิจิทัลที่ถูกสร้างมาเพื่อเรียกความตลกเฮฮาจากผู้คน และไม่ได้มีการอัปเดตซอฟต์แวร์มานานกว่า 2 ปี แต่กลับมีมูลค่าทางการตลาดที่สูงมากถึง 2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐได้” ก่อนที่หลังจากนั้นไม่นานตลาดคริปโตเคอร์เรนซีจะเกิดการร่วงอย่างรุนแรงและเข้าสู่ภาวะตลาดหมีอันยาวนานถึง 3 ปี
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า
ไม่พลาดข่าวไฮไลต์ประจำวัน มาเป็นเพื่อนกับ THE STANDARD WEALTH ในไลน์ คลิก https://lin.ee/xfPbXUP