วันนี้ (26 มกราคม) นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ แถลงข่าวในประเด็น การเฝ้าระวังสายพันธุ์โควิดสายพันธุ์โอมิครอน และให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสายพันธุ์ย่อยอย่าง BA.2 ที่ยังเป็นกระแสอยู่ในขณะนี้
โดยเริ่มจากการรายงานสถานการณ์ผู้ติดเชื้อโควิดสายพันธุ์โอมิครอนในไทย รายใหม่จำนวน 977 ราย รวมสะสม 12,545 ราย (1 พฤศจิกายน 2564 – 25 มกราคม 2565) โดยพบในกรุงเทพมหานครมากที่สุด 5,029 ราย รองลงมาคือจังหวัดชลบุรี 950 ราย และลำดับสามคือจังหวัดภูเก็ต พบจำนวน 777 ราย
นอกจากนี้ นพ.ศุภกิจยังได้ให้ข้อมูลในส่วนของเชื้อโอมิครอนสายพันธุ์ย่อย BA.2 ที่ประชาชนกำลังให้ความสนใจ โดยระบุว่า นับตั้งแต่มีการถอดรหัสพันธุ์กรรมในผู้ป่วยโควิดเพื่อหาเชื้อโอมิครอนตั้งแต่ปลายปี 2564 ที่ผ่านมา ทางกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ได้เห็นสายพันธุ์ย่อยอย่าง ‘BA.2’ ช่วง 2-3 สัปดาห์หลังจากพบโอมิครอนในผู้ป่วยรายแรกของไทย ตั้งแต่วันที่ 2 มกราคม 2565 ที่ผ่านมา
ส่วนประเด็นคำถามที่ว่า สายพันธุ์ย่อย BA.2 มีความสามารถในการแพร่กระจายเชื้อ หรือมีความรุนแรงกว่าตัวหลักอย่าง BA.1 หรือไม่ นพ.ศุภกิจบอกว่า จากข้อมูลทั้งหมดที่มียังเร็วไปที่จะสรุปถึงความสามารถของสายพันธุ์ย่อย BA.2
“แต่ถ้าสัดส่วนการพบผู้ป่วยเริ่มเปลี่ยนแปลง กล่าวคือเริ่มตรวจพบ BA.2 จากเดิมพบแบบประปรายที่ 2% จากผู้ป่วยโอมิครอนทั้งหมด กระโดดเพิ่มเป็น 5-10% ในเวลาอันรวดเร็ว ในส่วนนี้อาจจะต้องหันมาจับตาดู เพราะมันกำลังแสดงให้เห็นว่าอาจจะแพร่เร็วกว่า แต่ทั้งนี้ต้องรอข้อมูลเพิ่มเติมอีกครั้ง” นพ.ศุภกิจกล่าว
นพ.ศุภกิจระบุต่อไปว่า จากข้อมูลตอนนี้ในไทยพบ BA.2 แล้ว 14 ราย จำแนกเป็นการพบในผู้เดินทางจากต่างประเทศ 9 ราย และพบในประเทศไทย 5 ราย โดยในจำนวนนี้พบผู้เสียชีวิต 1 ราย เป็นหญิงอายุ 86 ปี อาศัยอยู่ที่อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา เป็นผู้ป่วยติดเตียงและมีโรคประจำตัว เป็นผู้เสียชีวิตจากโอมิครอนรายแรกของไทยที่มีการรายงานไปก่อนหน้านี้
ทั้งนี้ ในภาพรวมหลังการส่งข้อมูลผู้ป่วยโอมิครอนประมาณ 7,000 ตัวอย่าง เพื่อให้กรมการแพทย์ได้ไปติดตามดูข้อมูล เบื้องต้นมีผู้เสียชีวิตจากโอมิครอน 7 รายจาก 7,000 ตัวอย่างที่ส่งไป คิดเป็น 0.1% จากผู้ติดเชื้อทั้งหมด
ดังนั้นเรื่องการเสียชีวิตจากโอมิครอนยังค่อนข้างต่ำ ส่วนรายละเอียดว่า BA.2 ส่งผลให้มีอาการหนักแค่ไหน หรือการฉีดวัคซีนส่งผลอย่างไร สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องที่ต้องรอกรมการแพทย์สรุปผลอีกครั้ง
ดังนั้นจึงขอให้ทุกคนอย่าไปตกใจกับเรื่องสายพันธุ์ย่อย BA.2 เพราะยังไม่มีข้อมูลที่ชี้ชัดว่า มันมีความสามารถแตกต่างจาก BA.1 ที่ระบาดเป็นหลักอยู่ตอนนี้อย่างไรบ้าง จึงทำให้สถานการณ์ BA.2 ไม่อยู่ในจุดที่น่ากังวลเกินไปในช่วงเวลานี้