“เรานั้นไร้เทียมทาน” แม่ทัพของ Disney กล่าวหลังผลงานยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง สวนทางกับ ‘Netflix’ ที่เจอมรสุม

‘Disney’ บริษัทด้านความบันเทิงรายใหญ่ยังคงยิ้มได้แม้แพลตฟอร์มสตรีมมิงอื่นๆ จะซบเซาลงก็ตาม อันเป็นผลมาจากรายงานการเติบโตของสมาชิกที่สูงกว่าที่คาด โดยขณะนี้มีสมาชิก 137.7 ล้านคน เพิ่มขึ้นประมาณ 8 ล้านคนในไตรมาสที่ผ่านมา

จากผลลัพธ์ที่เกิดความคาดหมายนี้ สวนทางกับ Wall Street ที่กำลังกังวลเรื่องตลาดสตรีมมิงอย่างหนัก หลังจากที่ Netflix ทำพลาดอย่างมหันต์กับการเติบโตของผู้ใช้เมื่อเดือนที่ผ่านมา

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

และผลลัพธ์ที่เกินความคาดหมายของ Disney ยังส่งผลให้หุ้นเพิ่มมากขึ้นถึง 4.5% ในการซื้อขายนอกเวลา โดย Disney มีรายได้ 19.2 พันล้านดอลลาร์ในไตรมาสนี้ เพิ่มขึ้น 23% จากปีที่แล้ว และกำไรสุทธิขอบริษัทอยู่ที่ 470 ล้านดอลลาร์ในไตรมาสที่ 2 ลดลง 48% จากปีที่แล้ว

บ๊อบ ชาเปก ซีอีโอของ Disney กล่าวในจดหมายถึงนักลงทุนว่า ผลงานของ Disney นั้น “พิสูจน์แล้วว่าเรานั้นไร้เทียมทาน”

“ขณะที่เราก้าวสู่ไตรมาสที่ 2 ของ Disney ผมมั่นใจว่าเราจะสามารถพลิกโฉมวงการบันเทิง โดยการผสานการเล่าเรื่องที่ไม่ธรรมดากับเทคโนโลยี เพื่อสร้างจักรวาล Disney ที่ใหญ่ขึ้น เชื่อมถึงกันมากขึ้น และท้ายที่สุดคือ ‘มนตร์ขลัง’ สำหรับครอบครัวและแฟนๆ ทั่วโลก” เขากล่าวเสริม

“เรานั้นไร้เทียมทาน” คำพูดแม่ทัพ Disney ดูเหมือนจะชี้ให้เห็นถึงปีที่แย่มากของ Netflix

Netflix ซึ่งปัจจุบันเป็นผู้นำด้านสตรีมมิงด้วยสมาชิกทั้งหมด 221 ล้านคนทั่วโลก ได้รายงานในเดือนเมษายนที่ผ่านมาว่าสูญเสียผู้ใช้ 200,000 รายในไตรมาสแรกของปี 2022 และคาดว่าจะเสียเพิ่มอีก 2 ล้านคนในไตรมาสที่ 2 โดยจากการเสียสมาชิกและการเดินไปในทิศทางที่ไม่ดีเท่าไรนัก ทำให้นักลงทุนตั้งคำถามเกี่ยวกับอนาคตของ Netflix หรือแม้แต่ตลาดสตรีมมิงทั้งหมด โดยมูลค่าของหุ้นนั้นลดไปกว่าครึ่งแล้ว

การเติบโตที่เกินคาดของ Disney+ แสดงให้เห็นว่าปัญหาของ Netflix อาจเป็นปัญหาที่แปลกใหม่สำหรับบริการสตรีมมิงมากกว่าปัญหาที่เคยเกิดขึ้นแล้วในตลาด

และ Disney ได้รายงานว่าบริการสตรีมมิงทั้งหมดของตน รวมถึง Hulu และ ESPN+ นั้นเติบโตในไตรมาสที่ 2 โดยผู้ใช้บริการมีทั้งหมด 205.6 ล้านคน ยอดรวมนี้อาจเพิ่มขึ้นอีกหลังจาก Disney ประกาศเปิดตัวแพ็กเกจใหม่ที่มีโฆษณาเข้ามาแทรกแต่ได้ราคาที่ถูกกว่า ซึ่งจะเปิดตัวในสหรัฐอเมริกาภายในสิ้นปีนี้ ตามข้อมูลของชาเปก

ขณะเดียวกัน Disney ยังส่งสัญญาณของการฟื้นตัวจากโควิด โดยธุรกิจสวนสนุก ประสบการณ์ และผลิตภัณฑ์มีรายได้เพิ่มเป็นเท่าตัวเป็น 6.7 พันล้านดอลลาร์ในช่วงไตรมาสดังกล่าว เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน

การเติบโตเกิดจากแรงหนุนของผู้เข้าชม การจองโรงแรม และการล่องเรือสำราญที่เพิ่มขึ้น ตลอดจนราคาตั๋ว ราคาอาหาร และราคาสินค้าที่แพงขึ้น Disney ยังกล่าวว่าสวนสนุกในแต่ละประเทศเริ่มมองเห็นการกลับมาของนักท่องเที่ยวจากต่างชาติ แต่กระนั้นก็ยังไม่เท่ากับก่อนเกิดโรคระบาด โดยอยู่ที่ราว 18-20% เมื่อเทียบกับผู้เข้าชมก่อนหน้านี้

นอกจากนี้สวนสนุกบางแห่งไม่สามารถเปิดเต็มเวลาได้ในช่วงไตรมาสก่อนหน้า โดยขณะที่ Disneyland ณ ปารีสกำลังฉลองครบรอบ 30 ปีนั้น Disneyland ทั้งในเซี่ยงไฮ้และฮ่องกงต่างถูกปิดชั่วคราวเนื่องจากสถานการณ์โควิดที่เพิ่มสูงขึ้น

อ้างอิง:

ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH