Disney ประกาศปรับขึ้นราคาค่าสมาชิกของแพลตฟอร์มสตรีมมิง Disney+ ในอเมริกา โดยแพ็กเกจแบบมีโฆษณา จะปรับขึ้นราคา 2 ดอลลาร์ เป็น 11.99 ดอลลาร์ต่อเดือน ตามด้วยแพ็กเกจพรีเมียมแบบไม่มีโฆษณา จะปรับขึ้นอีก 3 ดอลลาร์ เป็น 18.99 ดอลลาร์ (ราว 606 บาทต่อเดือน) และแพ็กเกจรายปีแบบพรีเมียม จะปรับขึ้น 30 ดอลลาร์ (ราว 958 บาทต่อปี) เป็น 189.99 ดอลลาร์ (ราว 6,068 บาทต่อปี)
รวมถึงแพ็กเกจที่รวม Disney+ เข้ากับ Hulu และ ESPN+ ก็จะมีการขึ้นราคาด้วยเช่นกัน ซึ่งมีผลตั้งแต่เดือนตุลาคมนี้เป็นต้นไป การปรับขึ้นดังกล่าวต้องการผลักดันให้ธุรกิจดิจิทัลสร้างกำไรได้มากขึ้น
ทั้งนี้ Disney+ เปิดตัวครั้งแรกในเดือนพฤศจิกายน ปี 2019 ด้วยราคาเริ่มต้น 6.99 ดอลลาร์ (ราว 223 บาทต่อเดือน) และค่อยๆ ปรับขึ้นราคามาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์เพื่อหยุดการขาดทุน และทำให้ธุรกิจสตรีมมิงเพิ่งทำกำไรได้เป็นครั้งแรกเมื่อปีที่ผ่านมา
ที่จริงแล้ว Disney เคยส่งสัญญาณถึงการขึ้นราคาล่วงหน้าแล้ว ในการประชุมผลประกอบการไตรมาส 3 ที่ผ่านมา และถือเป็นการปรับขึ้นราคาต่อเนื่องเป็นปีที่ 4 หลังจากเคยขึ้นราคาในเดือนธันวาคม ปี 2022 สูงถึง 38% และเพิ่งปรับขึ้นค่าบริการแพ็กเกจ 1–2 ดอลลาร์ต่อเดือน ไปอีกเมื่อเดือนตุลาคม 2024 ที่ผ่านมา โดยคาดว่า ในไตรมาส 4 จะมีจำนวนผู้สมัครสมาชิกเพิ่มขึ้นเล็กน้อย
อย่างไรก็ตาม การขึ้นราคาครั้งนี้เกิดขึ้นท่ามกลางเสียงวิจารณ์หนักเกี่ยวกับการจัดการกรณีรายการ Jimmy Kimmel Live! หลังจากสถานีโทรทัศน์ ABC ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ Disney ตัดสินใจถอดรายการออกจากผังเมื่อสัปดาห์ก่อน เนื่องจากพิธีกรออกมาแสดงความเห็นที่สร้างความขัดแย้งเกี่ยวกับผู้ต้องหาฆ่า Charlie Kirk นักกิจกรรมอนุรักษ์นิยม
ต่อมาเกือบหนึ่งสัปดาห์ Disney จึงประกาศว่าสามารถนำรายการกลับมาออกอากาศตามปกติในวันอังคาร หลังจากที่ผู้ชมและพิธีกรรายการรอบดึกคนอื่นๆ ออกมาวิพากษ์วิจารณ์การตัดสินใจดังกล่าว และในระหว่างที่รายการยังไม่ได้กลับมาออกอากาศ แฟนคลับบางส่วนได้ออกมาโพสต์บนโซเชียลมีเดียว่าจะยกเลิกการสมัครสมาชิก Disney+ เพื่อแสดงจุดยืนว่าสนับสนุน Jimmy Kimmel
หมายเหตุ: ใช้อัตราแลกเปลี่ยน 1 ดอลลาร์สหรัฐฯ เท่ากับ 31.93 บาท ณ วันที่ 24 กันยายน 2568
ภาพ: Diego Thomazini / shutterstock
อ้างอิง: