ช่วงเวลาแห่งความสนุกใน Disneyland ได้หมดลงตั้งแต่เกิดการระบาดของโควิด-19 เนื่องจากต้องปิดตัวลงชั่วคราวในเดือนมีนาคม และแม้บางส่วนจะเปิดให้บริการได้อีกครั้งในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา แต่ด้วยข้อจำกัดเพื่อป้องกันโรคระบาด ทำให้รายได้ที่เคยเฟื่องฟูลดลง ในที่สุด Disneyland ตัดสินใจปลดพนักงานในแผนกสวนสนุกกว่า 28,000 คน ในจำนวนนี้ 67% เป็นพนักงานพาร์ตไทม์ และทั้งหมดเป็นพนักงานที่ทำงานในสหรัฐอเมริกา
ในประกาศที่ถูกส่งถึงพนักงาน Josh D’Amaro หัวหน้าธุรกิจสวนสนุกของ Disney ได้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับ ‘การตัดสินใจที่ยากลำบาก’ หลายประการที่ Disney ต้องทำหลังจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 รวมถึงการปลดพนักงานด้วย
ขณะที่สวนสนุกของ Disney ในฟลอริดา ปารีส เซี่ยงไฮ้ ญี่ปุ่น และฮ่องกง สามารถเปิดได้อีกครั้งแบบจำกัดจำนวนผู้เข้าชม แต่ทั้ง Disney California Adventure และ Disneyland ซึ่งเป็นสวนสนุกที่ตั้งอยู่ในเมืองอนาไฮม์ รัฐแคลิฟอร์เนีย ยังคงปิดให้บริการ แม้ว่า Disney จะพยายามกดดันให้ผู้ว่าการรัฐอนุญาตให้เปิดสวนสนุกอีกครั้งแต่ก็ไม่เป็นผล
“เราไม่สามารถดูแลพนักงานได้อย่างมีความรับผิดชอบ ในขณะที่การดำเนินงานเต็มไปด้วยจำกัดเช่นนี้” หัวหน้าธุรกิจสวนสนุกของ Disney กล่าวในจดหมายที่ส่งถึงพนักงาน “การดำเนินการนี้เป็นเรื่องที่น่าปวดใจ แต่นี่เป็นทางเลือกเดียวที่เป็นไปได้ที่เรามี เนื่องจากผลกระทบที่ยาวนานของโควิด-19 ซึ่งเข้ามากดดันธุรกิจ อีกทั้งยังมีความไม่แน่นอนเกี่ยวกับระยะเวลาของการระบาดด้วย”
ธุรกิจสวนสนุก ประสบการณ์ และผลิตภัณฑ์สำหรับผู้บริโภค เป็นหนึ่งในเส้นเลือดหลักที่หล่อเลี้ยง Disney ในปีที่ผ่านมาคิดเป็นสัดส่วนรายได้กว่า 37% ของรายได้ราว 6.96 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 2.2 ล้านล้านบาท
การปิดสวนสนุกในช่วงที่ผ่านมากระทบอย่างมากต่อผลประกอบการของ Disney โดยไตรมาส 3 ที่ผ่านมา ธุรกิจสวนสนุกมีรายได้เพียง 983 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 3.1 หมื่นล้านบาท ลดลง 85% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว โดยมีการขาดทุนกว่า 2,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 6.3 หมื่นล้านบาท
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า
อ้างอิง:
