ท่ามกลางวิกฤตโควิด-19 ที่แพร่ระบาดหนักทั่วโลก โดยเฉพาะยุโรปและสหรัฐอเมริกาในเวลานี้ รัฐบาลหลายประเทศได้ออกมาตรการปิดประเทศ ปิดเมืองบางส่วน หรือสั่งหยุดธุรกิจที่ไม่จำเป็น และส่งเสริม Social Distancing หรือการรักษาระยะห่างทางสังคม เพื่อลดความเสี่ยงต่างๆ ที่จะทำให้เชื้อไวรัสลุกลามเป็นวงกว้าง
หนึ่งในประเทศที่มีมาตรการป้องกันไวรัสแบบเข้มงวดไว้เป็นกรณีศึกษาที่น่าสนใจคือ นิวซีแลนด์ ซึ่งล่าสุดรัฐบาลประกาศเตรียมปิดประเทศ (Lockdown) เป็นเวลาอย่างน้อย 4 สัปดาห์ แต่จะได้ผลแค่ไหนยังต้องรอเวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ ขณะที่รัฐบาลกำลังดำเนินมาตรการขั้นเด็ดขาดเพื่อจำกัดการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา
ข้อมูล ณ เวลา 16.10 น. (23 มีนาคม) นิวซีแลนด์มีผู้ติดเชื้อสะสม 102 ราย พุ่งขึ้นจาก 36 รายที่ประกาศก่อนหน้า แม้ยังไม่มีผู้เสียชีวิต แต่รัฐบาลกังวลว่าหากไม่ดำเนินการอะไรเพิ่มเติมสถานการณ์อาจเลวร้ายลงกว่านี้
ที่ผ่านมาหลายประเทศ เช่น จีน สิงคโปร์ และเกาหลีใต้ ดูเหมือนจะสามารถควบคุมการระบาดในประเทศได้แล้ว แต่สถานการณ์ใหม่ที่พวกเขาอาจต้องเผชิญหลังจากนี้คือแพร่ระบาดของไวรัสมรณะระลอกที่ 2 ซึ่งเกิดจากการรับผู้ติดเชื้อที่เดินทางมาจากต่างประเทศ แต่สำหรับนิวซีแลนด์แล้ว พวกเขาอาจกำลังเข้าสู่ระยะที่ 2 ของการระบาด (การระบาดจากคนสู่คนในประเทศในวงจำกัด) หลังพบเคสผู้ป่วย 2 รายแรกที่ไม่มีประวัติการเดินทางไปต่างประเทศ ซึ่งเป็นหลักฐานที่บ่งชี้ได้ว่าอาจเกิดการแพร่ระบาดในชุมชนนิวซีแลนด์ครั้งแรก นั่นทำให้รัฐบาลต้องตัดสินใจขยับใช้มาตรการที่เข้มงวดมากขึ้น
มาตรการใหม่ของนิวซีแลนด์กับการกักตัวประชาชนทั่วประเทศ
หลังจากรัฐบาลได้ยกระดับเตือนภัยโรคระบาดจากขั้น 2 สู่ขั้น 3 แล้ว รัฐบาลเตรียมดึงคันโยกสู่ขั้น 4 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดภายใน 48 ชั่วโมงข้างหน้า พร้อมๆ กับการประกาศใช้มาตรการล็อกดาวน์ทั่วประเทศ
มาตรการใหม่ๆ ของรัฐบาลนิวซีแลนด์กำหนดให้ครัวเรือนทั่วประเทศต้องเก็บตัวอยู่ในบ้าน (Self-Isolation) อาร์เดิร์นเตือนว่า หากเกิดการแพร่ระบาดของไวรัสในระดับชุมชนของนิวซีแลนด์ นั่นหมายความว่าจำนวนผู้ป่วยจะเพิ่มขึ้นแบบเท่าตัวในทุกๆ 5 วัน ซึ่งจะส่งผลให้ระบบสาธารณสุขไม่สามารถรองรับผู้ป่วยได้ทั่วถึง และท้ายที่สุดประชากรนิวซีแลนด์อาจเสียชีวิตหลายหมื่นคน
อาร์เดิร์นชี้แจงว่า “การตัดสินใจครั้งนี้คือการจำกัดการเคลื่อนไหวของชาวนิวซีแลนด์ครั้งสำคัญที่สุดในประวัติศาสตร์สมัยใหม่ นี่ไม่ใช่การตัดสินที่ไม่ได้ไตร่ตรองมาก่อน แต่เป็นโอกาสที่ดีที่สุดของเราในการชะลอการระบาดของไวรัสและช่วยชีวิตผู้คน”
ธุรกิจชัตดาวน์
เมื่อมาตรการล็อกดาวน์หรือการกักตัวทั่วประเทศมีผลบังคับใช้ ธุรกิจที่ไม่จำเป็นทั้งหลายจะต้องหยุดทำการชั่วคราว เช่น โรงภาพยนตร์ โรงยิม ร้านอาหาร บาร์ คาเฟ่ สระว่ายน้ำ ห้องสมุด พิพิธภัณฑ์ หรือสถานที่สาธารณะที่ผู้คนสามารถรวมตัวกันได้ เช่น สนามเด็กเล่นก็ต้องปิดด้วยเช่นกัน
นอกจากนี้ผู้นำหญิงนิวซีแลนด์ยังประกาศห้ามการทำกิจกรรมกลางแจ้งและในที่ร่มที่เป็นการรวมตัวกันของคนหมู่มากอย่างเด็ดขาด
แต่สถานพยาบาล ซูเปอร์มาร์เก็ต ร้านขายยา ระบบธนาคาร ยังเปิดทำการได้ตามปกติ
อาร์เดิร์นระบุว่า “หากใครยังไม่ขาดเหลืออะไรแบบรีบด่วน ก็อย่าเพิ่งไปซูเปอร์มาร์เก็ต เพราะซูเปอร์มาร์เก็ตยังเปิดรอคุณอยู่ในวันนี้ พรุ่งนี้ และมะรืนนี้ เราต้องให้เวลาซูเปอร์มาร์เก็ตในการเติมของหรือรีสต๊อกบนชั้นวาง สินค้ามีเพียงพอสำหรับทุกๆ คนหากเราจับจ่ายกันอย่างปกติ”
มาตรการรองรับคลื่นมหาชนเดินทางกลับบ้านก่อนปิดประเทศ
รัฐบาลเล็งเห็นถึงปัญหานี้เช่นกัน โดยสายการบิน Air New Zealand ประกาศว่าจะเพิ่มเที่ยวบินภายในประเทศ เพื่อรับประชาชนกลับภูมิลำเนาก่อนที่จะมีการล็อกดาวน์ทั่วประเทศ
แต่ถ้าก่อนเดินทางประชาชนรู้สึกว่าตนเองป่วยหรือไม่สบาย โดยเฉพาะถ้ามีอาการไอ จาม มีน้ำมูก หายใจไม่คล่อง หรือมีไข้ รัฐบาลก็ร้องขอให้อย่าเดินทางในเวลานั้น
และหลังจากมาตรการปิดประเทศมีผลบังคับใช้ หรือเข้าสู่ภาวะเตือนภัยขั้นสูงสุดแล้วการเดินทางทางอากาศจะถูกจำกัดให้เฉพาะผู้ที่จำเป็นต้องเดินทางไปปฏิบัติงานด้านบริการประชาชนที่จำเป็นเท่านั้น
ส่วนระบบขนส่งสาธารณะจะให้บริการเฉพาะผู้ที่ต้องไปปฏิบัติหน้าที่ที่จำเป็นเช่นกัน และอนุญาตให้ประชาชนทั่วไปใช้ในกรณีที่ไปหาหมอและไปซูเปอร์มาร์เก็ต
ขณะที่เรือเฟอร์รีและระบบขนส่งทางรางจะให้บริการสำหรับขนส่งสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็น
ส่วนผู้ที่ต้องใช้รถส่วนตัวเพื่อสัญจร รัฐอนุญาตให้ใช้ได้ แต่ต้องคำนึงถึงการเว้นระยะห่างทางสังคม เช่นเดียวกับคนที่เดินทางออกนอกบ้านก็ต้องเว้นระยะห่างจากคนอื่นอย่างน้อย 2 เมตรเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม THE STANDARD ตั้งข้อสังเกตว่า หลายประเทศก็มีการประกาศมาตรการปิดประเทศในลักษณะเดียวกับที่นิวซีแลนด์ทำ ไม่ว่าจะเป็นการปิดเมืองบางส่วนหรือปิดประเทศทั้งหมดแบบในยุโรป ประกาศเคอร์ฟิวแบบอินเดีย หรือจำกัดการเดินทางและเคลื่อนไหวของประชาชนทั่วประเทศแบบมาเลเซีย แต่ที่ผ่านมาประชาชนก็ยังไม่ให้ความร่วมมือกับรัฐเท่าที่ควร ดังจะเห็นได้จากหลายประเทศในยุโรปและออสเตรเลีย หรือในมาเลเซียก็เกิดกรณีคลื่นมหาชนไหลทะลักกลับภูมิลำเนาก่อนมาตรการปิดเมืองจะมีผลบังคับใช้ ซึ่งแม้นิวซีแลนด์จะเตรียมเที่ยวบินในประเทศไว้รองรับ แต่ก็อาจไม่เพียงพอ ซึ่งก็ต้องจับตาดูต่อไปว่ามาตรการของนิวซีแลนด์จะมีประสิทธิผลเพียงใด
มาตรการเยียวยาและกระตุ้นเศรษฐกิจ
นอกจากมาตรการปิดประเทศแล้ว แกรนต์ โรเบิร์ตสัน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของนิวซีแลนด์ยังประกาศมาตรการอัดฉีดเศรษฐกิจชุดใหม่ด้วย ซึ่งสำหรับประชาชนที่ไม่สามารถทำงานได้ในช่วงวิกฤตนี้ รัฐก็เตรียมจ่ายเงินสมทบค่าจ้างให้กับบริษัทต่างๆ ที่ได้รับผลกระทบ รวมมูลค่า 9.3 พันล้านดอลลาร์นิวซีแลนด์ (ประมาณ 1.73 แสนล้านบาท) เพื่อรับประกันว่าแรงงานทั้งหมดในประเทศจะยังมีรายได้ในช่วงที่ปิดประเทศนี้
ส่วนมาตรการเยียวยาอื่นๆ ประกอบด้วยการผ่อนปรนมาตรการทางการเงินเพื่อให้ธนาคารพาณิชย์ปล่อยสินเชื่อให้แก่บริษัทต่างๆ เพิ่มขึ้น นอกจากนี้รัฐบาลยังเตรียมออกมาตรการอื่นๆ ตามมาอีก เพื่อบรรเทาผลกระทบจากไวรัส ซึ่งจะมีอะไรบ้างต้องติดตามกันต่อไป
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า
อ้างอิง:
- https://www.bloomberg.com/news/articles/2020-03-23/new-zealand-to-go-into-nationwide-self-isolation-to-battle-virus?utm_source=facebook&utm_campaign=socialflow-organic&utm_medium=social&utm_content=business&cmpid=socialflow-facebook-business
- https://www.stuff.co.nz/national/health/coronavirus/120502489/coronavirus-air-new-zealand-opens-more-domestic-flights-ahead-of-full-lockdown
- https://www.theguardian.com/world/live/2020/mar/23/coronavirus-live-updates-uk-us-italy-germany-europe-outbreak-cases-meetings-bans-update-latest-news