วันนี้ (19 พฤษภาคม) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ. ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงประเด็นที่เมื่อวานนี้ (18 พฤษภาคม) ศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยให้กลับมาใช้พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ. 2565 พ.ศ. 2566 หรือ ‘พ.ร.บ.อุ้มหายฯ’
พล.ต.อ. ดำรงศักดิ์กล่าวว่า ตร. ได้ดำเนินการตั้งแต่เมื่อวานนี้โดยได้มีการประชุม และวันนี้ได้กำชับกันอีกรอบหนึ่ง แม้อุปกรณ์เครื่องมือเครื่องใช้อาจมีไม่พอเพียงก็พยายามให้หมุนเวียนใช้ให้มีประสิทธิภาพสูงสุด
วันนี้ทราบว่ากระทรวงยุติธรรมจะเชิญตำรวจไปประชุมเรื่องการเตรียมการออกระเบียบกลาง โดยทางตำรวจจะวางแนวทางของตำรวจเองไปพลางก่อนเพื่อให้ปฏิบัติได้ไม่ผิดกฎหมาย ยืนยันว่าจะทำหน้าที่ทำงานให้ดีที่สุดภายใต้ปัจจัยที่มีอยู่ในปัจจุบัน
เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงหลักของ พ.ร.บ.อุ้มหายฯ คืออะไร พล.ต.อ. ดำรงศักดิ์กล่าวว่า ไม่อยากให้ตำรวจไปทำอะไรต่างๆ ที่ไม่ดี เวลาการจับกุม การควบคุมตัว ไม่ให้มีการซ้อมทรมานหรือย่ำยีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ แต่ขั้นตอนที่เป็นปัญหาการปฏิบัติของตำรวจ โดยเฉพาะผู้จับกุม คือการบันทึกภาพและเสียงในขณะที่จับกุมตัวและควบคุมตัว
ซึ่งตำรวจมี 2 แสนกว่านาย อุปกรณ์ที่จัดซื้อไว้หลายปีที่ผ่านมามีประมาณ 1.2 แสนชุด ชำรุดไปพอสมควร แต่เมื่อมี พ.ร.บ.นี้ออกมา ก็อยู่ระหว่างจัดหาอุปกรณ์เพิ่มเติม ขณะนี้เป็นไปในลักษณะการเวียนใช้ไปก่อน
พล.ต.อ. ดำรงศักดิ์กล่าวต่อไปว่า จากนี้ พ.ร.บ.อุ้มหายฯ นี้จะมีขั้นตอนออกมาจำนวนมาก กรณีการจับกุมต้องให้มีการบันทึกภาพและเสียงการควบคุมตัว การแจ้งต่อฝ่ายปกครอง อัยการ วิธีการแจ้งและการทำบันทึกการแจ้ง การเก็บข้อมูลต่างๆ ก็จะมีขั้นตอน
ส่วนการเก็บข้อมูลในการบันทึกภาพและเสียงไว้ต้องถึงคดีสิ้นสุดหรือขาดอายุความ ก็ต้องมีหน่วยจัดเก็บจำนวนมาก เป็นขั้นตอนที่ต้องปฏิบัติตามกฎหมาย ซึ่งตำรวจจะพยายามทำงานให้เป็นไปตามกฎหมายไม่ให้เกิดข้อบกพร่อง
“ผมได้เน้นย้ำไปแล้วให้ตำรวจต้องทำหน้าที่ให้ดีที่สุด อย่าใส่เกียร์ว่าง ส่วนระเบียบกลางยังไม่ได้มีการซักซ้อมกันให้ครบ แต่ก็จะต้องแจ้งกันผ่านศูนย์ประสาน โทรศัพท์ อีเมล” พล.ต.อ. ดำรงศักดิ์กล่าว