ใครที่ติดตามข่าวสารในแวดวงความงามน่าจะรู้ดีว่า Dior Beauty นั้นโดดเด่นในเรื่องงานวิจัยและหลักทางวิทยาศาสตร์ที่แบรนด์ได้ปลุกปั้นและทุ่มเท (รวมถึงทุ่มทุน) มาอย่างยาวนานหลายสิบปี ทำให้ทุกครั้งที่แบรนด์เปิดตัวผลิตภัณฑ์กลุ่มสกินแคร์ใหม่ๆ จึงมักมาพร้อมนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ผ่านการคิดค้นเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ในการดูแลผิวได้อย่างน่าทึ่งเสมอ ซึ่งสกินแคร์ของ Dior Beauty มีเอกลักษณ์ในแบบฉบับของตนเอง ทั้งในแง่ของคุณภาพที่การันตี รวมถึงการที่ผลิตภัณฑ์สามารถเข้าถึงผู้คนที่หลากหลาย สามารถใช้สกินแคร์ของแบรนด์นี้ได้เป็นประจำทุกวัน ล่าสุดจึงเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นไม่น้อย เมื่อแบรนด์ความงามชั้นนำระดับโลกอย่าง Dior Beauty ได้นำเสนอนวัตกรรมด้านความงามใหม่ๆ มาให้กลุ่มคนรักการดูแลผิวได้ติดตามกัน
เมื่อ Dior Beauty เปิดตัวผลิตภัณฑ์บำรุงผิวใหม่ Capture Totale Le Sérum ซึ่งเป็นเซรั่มที่มีคุณสมบัติเด่นๆ ในการกระชับสร้างความเฟิร์มให้ผิว เชื่อว่าแฟนๆ ของ Dior Beauty ที่ไว้วางใจมากว่า 20 ปี ล้วนชื่นชอบในผลลัพธ์ที่เห็นผลรวดเร็ว มีผลการวิจัยรองรับที่น่าเชื่อถือมากมาย เป็นการยกระดับจากผลิตภัณฑ์ Capture Totale รุ่นก่อนที่มีการเปิดตัวไปเมื่อปี 2020 โดย Dior Beauty กล่าวว่า เซรั่มสูตรใหม่ Capture Totale Le Sérum ขวดนี้จะช่วยฟื้นคืนความอ่อนเยาว์ของผิว ทำให้ผิวแลดูเรียบเนียนและกระชับขึ้น ในขณะที่ริ้วรอยต่างๆ ที่เกิดขึ้นตามวัยจะแลดูเลือนลงอย่างเห็นได้ชัด ด้วยพลังธรรมชาติของดอกไม้จาก Dior Garden
ไขกุญแจสู่ความอ่อนเยาว์ด้วยดอกไม้
THE STANDARD POP ได้อัปเดตข้อมูลสำคัญจากการไปร่วมงาน Press Conference กับแบรนด์ Dior Beauty ที่ประเทศญี่ปุ่น พบว่าสิ่งที่เปรียบเสมือนกุญแจสำคัญที่จะทำให้ผิวคงความอ่อนเยาว์อยู่ที่การยึดเกาะของผิวชั้นนอก ซึ่งการยึดผิวเข้าด้วยกันนั้นจะทำหน้าที่โดยโปรตีนอย่าง อินทิกริน และคอลลาเจนประเภทที่ 3 (Type III) ที่พบได้ในผิว ซึ่งความก้าวหน้าของวิทยาศาสตร์แห่งการดูแลผิวจาก Dior ได้พิสูจน์ให้เห็นว่า เซลล์หลักของผิวหนังสูญเสียโปรตีนเมื่อเวลาผ่านไป ส่งผลให้ผิวกระชับน้อยลง เป็นเหตุให้ผิวพรรณดูไม่อ่อนเยาว์ แต่ปัจจุบันงานวิจัยของ LVMH ได้ยืนยันว่า ผิวในบริเวณรอยต่อนี้สามารถฟื้นฟูชั้นผิวหนังกำพร้าให้ดูแข็งแรงและกระชับได้มากขึ้น ด้วยการทำงานของโปรตีนที่ทำหน้าที่ยึดเกาะผิวจากส่วนผสมสำคัญทั้ง สารสกัด Fermented Longoza จากสวนแห่ง Dior ในมาดากัสการ์ อุดมไปด้วยโมเลกุล 85 ชนิดที่เร่งฟื้นบำรุงเซลล์หลักของผิว สารสกัดจากดอกไอริส จากสวนดอกไม้แห่งใหม่จาก Dior ในแคว้นทัสคานี ช่วยยืดคุณประโยชน์ของสารสกัด ลองโกซาในโครงสร้างของผิวให้ดูอ่อนเยาว์ เพื่อปกป้องริ้วรอยก่อนวัยอันควรได้นานขึ้น และผสานเทคโนโลยี H.A. Poly-filler ที่เปี่ยมไปด้วยกรดไฮยาลูรอน และ Polyglycerol ที่ช่วยให้ผิวดูอวบอิ่ม
ภาพบรรยากาศในงาน Press Conference ของ Dior Beauty ที่ประเทศญี่ปุ่น
และเพื่อให้เข้าใจถึงการทำงานของ Capture Totale Le Sérum มากยิ่งขึ้น THE STANDARD POP ได้พูดคุยกับ Virginie Couturaud ตำแหน่ง Parfums Scientific Communication Director และ Patrick Choisy ตำแหน่ง Head of Natural Materials and Sustainable Development Innovation ประจำ LVMH Recherche สองคนผู้อยู่เบื้องหลังการพัฒนาเซรั่มสูตรใหม่นี้ร่วมกัน และข้อมูลเชิงลึกที่ได้พูดคุยสัมภาษณ์ จะช่วยเปิดเผยให้เรารู้ว่าเพราะเหตุใด Capture Totale Le Sérum จึงเป็นว่าที่เซรั่มมาแรงแห่งปี 2023
ภาพบรรยากาศในงาน Press Conference ของ Dior Beauty ที่ประเทศญี่ปุ่น
Phoenix Flower จากสวน Dior Garden ในมาดากัสการ์ หัวใจหลักของ Capture Totale Le Sérum
โดยทั้งสองคนได้เล่าว่า สำหรับการคิดค้นและพัฒนาสกินแคร์ Capture Totale Le Sérum ขวดนี้ ส่วนผสมชั้นเลิศคือหัวใจหลักที่ทำให้เซรั่มของ Dior Beauty พิเศษ ซึ่งประกอบด้วยส่วนผสมลองโกซาที่มีความเข้มข้น และสามารถซึมซาบเข้าสู่ผิวได้ดียิ่งขึ้น หลังจาก Dior ได้เพาะปลูก Phoenix Flower ในสวน Dior Garden เป็นของตัวเอง ซึ่งมีทำเลที่ตั้งอยู่ในเขตป่าฝนในเมืองราโนมาฟานา ของมาดากัสการ์ อย่างยาวนานกว่า 30 ปี สถานที่แห่งนี้มีความพิเศษเพราะตั้งอยู่ใจกลางระบบนิเวศที่สมบูรณ์ ประกอบด้วยพืชประจำถิ่นกว่า 10,000 ชนิด ที่มีความอุดมสมบูรณ์สูงสุด ผ่านกระบวนการเก็บเกี่ยวในรูปแบบ Eco-Transformation ซึ่งในปีที่ผ่านมาทาง Dior Science ได้ใช้กระบวนการหมักรูปแบบ Multi-Fermentation เพื่อเพิ่มศักยภาพในการฟื้นบำรุงดอกไม้ชนิดนี้ ด้วยการกระตุ้นการทำงานของสารสกัดจากลองโกซาให้มีประสิทธิภาพสูงสุด โดยมีจำนวนสารสกัดทั้งหมดกว่า 85 ชนิด ที่เร่งฟื้นบำรุงเซลล์หลักของผิว ช่วยรับมือกับสัญญาณแห่งวัยด้วยการบำรุงผิวชั้นลึก อาศัยเทคโนโลยี Doublelipo-Encapsulation ที่ทำให้ลองโกซาสามารถแทรกซึมไปยังรอยต่อระหว่างชั้นผิวเพื่อการฟื้นบำรุงได้อย่างรวดเร็ว ทั้งยังเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
“เราปลูกดอกไม้ชนิดนี้ในพื้นที่ควบคุม และให้ความรู้กับผู้ดูแลเพื่อรักษาคุณภาพของลองโกซา จากเดิมที่ใช้กระบวนการที่ใช้ความร้อนสูง โดยอาจส่งผลกระทบกับสิ่งแวดล้อม แต่ปัจจุบันเราเปลี่ยนกระบวนผลิตใหม่เป็น Multi-Fermentation ที่เป็นธรรมชาติยิ่งขึ้น และอยู่ในกรอบของความยั่งยืน” Choisy กล่าว
ส่วนผสมจากธรรมชาติถึง 98% ตอบโจทย์ความยั่งยืน
นอกจากลองโกซาแล้ว เซรั่มสูตรใหม่นี้ยังใช้สารสกัดจากดอกไม้ที่มีต้นกำเนิดในทัสคานี ประเทศอิตาลี อย่าง Tuscan Iris สารสกัดจากดอกไอริส ช่วยยืดคุณประโยชน์ของสารสกัด Fermented Longoza ในโครงสร้างของผิวให้ดูอ่อนเยาว์ เพื่อปกป้องริ้วรอยก่อนวัยอันควรได้นานขึ้น และยังช่วยสร้างเกราะป้องกันผิวจากรังสี UVA โดยจะเข้าไปลดปฏิกิริยา Carbonylation ของโปรตีนที่ทำให้ผิวเสียหาย และช่วยคงความกระจ่างใส ป้องกันผิวจากรังสียูวี ก่อนเสริมด้วย H.A. Poly-filler สารสกัดที่ผสมกรดไฮยาลูโรนิก 2 ชนิด และพอลิกลีเซอรอล ที่จะทำให้ผิวของผู้ใช้ดูอิ่มเอิบยาวนานตลอดวัน
Iris Garden ในทัสคานี ประเทศอิตาลี
Virginie Couturaud ยังกล่าวอีกว่า “เมื่อเทียบกับในอดีต จากเดิมที่เราใช้ส่วนผสมจากธรรมชาติ 70-75% ซึ่ง ณ เวลานั้นถือเป็นเปอร์เซ็นต์ที่สูงมากแล้ว แต่กับเซรั่มสูตรใหม่ เราใช้ส่วนผสมจากธรรมชาติถึง 98% แน่นอนว่าการใช้ส่วนผสมธรรมชาติถือเป็นเรื่องพื้นฐานของแบรนด์ความงามแทบทุกแบรนด์ ดังนั้นสิ่งที่เราทำคือเลือกส่วนที่ดีและยั่งยืนที่สุด” กล่าวโดย Couturaud ที่เธออยากให้ Capture Totale Le Sérum เป็นเซรั่มที่นอกจากจะเป็นตัวช่วยสำหรับผู้ที่ต้องการผิวที่กระชับ เฟิร์ม และอิ่มเอิบได้อย่างเห็นผลในเวลาอันสั้นแล้ว Capture Totale Le Sérum ยังต้องเป็นผลิตภัณฑ์ที่ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม ด้วยส่วนผสมที่สามารถย่อยสลายทางชีวภาพ และรีไซเคิลได้ โดยขวดบรรจุภัณฑ์ถูกผลิตในประเทศฝรั่งเศส โดยใช้แก้วรีไซเคิล 20% เพื่อลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนในกระบวนการผลิตให้เหลือน้อยที่สุด
“เราต้องการให้ Capture Totale Le Sérum เหมาะสำหรับทุกคนและทุกสภาพผิว เราจึงใช้เวลาในการศึกษาเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่สามารถใช้ได้กับทุกคน ไม่ว่าคุณจะอายุ 20 ปี ซึ่งถือเป็นเรื่องดีที่ได้ป้องกันผิวตั้งแต่เนิ่นๆ เรามั่นใจว่าเซรั่มของเราสามารถใช้ได้ทุกวันติดต่อกันโดยไม่เกิดผลเสีย”
ทั้งหมดนี้คือเหตุผลที่ทำให้ผลิตภัณฑ์ Capture Totale Le Sérum น่าจับตามองอย่างยิ่งในฐานะของผลิตภัณฑ์ที่มีที่มาอันโดดเด่นตั้งแต่ขั้นตอนการเพาะปลูกสวน Dior Garden ที่มีระบบนิเวศอันอุดมสมบูรณ์ อีกทั้งยังผ่านการศึกษาวิจัยมาเป็นอย่างดี เพื่อให้ได้ส่วนผสมที่ดีที่สุดในการคงความอ่อนเยาว์ให้ผิว และสร้างความรู้สึกเชิงบวกต่อผู้บริโภคด้วยแนวคิดที่ใส่ใจและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ใครที่กำลังมองหาผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์การฟื้นฟูกระชับผิว และมอบความกระจ่างใสให้แลดูอ่อนเยาว์ เซรั่มขวดนี้อาจเป็นคำตอบที่หลายคนกำลังมองหา นี่คือเซรั่มที่ไม่ว่าจะอยู่ในเจเนอเรชันไหนก็สามารถหยิบมาใช้ได้เป็นประจำทุกวัน เพื่อการมีผิวสุขภาพดีในแบบที่ต้องการ สำหรับ Capture Totale Le Sérum Anti-Aging Serum มีวางจำหน่ายในประเทศไทยที่เคาน์เตอร์ Dior Beauty ทุกสาขา (ราคา 6,400 บาท)
ภาพ: Dior Beauty, THE STANDARD POP