เจาะลึกเทรนด์ดิจิทัลแห่งอนาคต กับ ‘สยามพิวรรธน์’ สู่ชัยชนะในการแข่งขันบนเวทีค้าปลีกระดับโลก [Advertorial]

ในช่วงวิกฤตการณ์โควิด-19 ได้เปลี่ยนพฤติกรรม และความคิดของผู้คนครั้งใหญ่ จนเกิดเป็นเทรนด์การใช้ชีวิตในรูปแบบใหม่บน ‘โลกดิจิทัล’ ที่เป็นตัวแปรสำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจทุกประเภทรวมถึงค้าปลีก เพื่อให้ทุกคนก้าวทันการเปลี่ยนแปลง ‘สยามพิวรรธน์’ จึงได้รวบรวมเทรนด์สำคัญบนโลกดิจิทัล ที่ส่งผลกระทบต่อธุรกิจค้าปลีก จากงาน ‘Siam Piwat Knowledge Forum’ ที่ได้กูรูจากองค์กรชั้นนำระดับประเทศ อาทิ แมคคินซีย์แอนด์โค บริษัท ทรู ดิจิทัล กรุ๊ป จำกัด, เอไอเอส, วีซ่า,  ธนาคารกสิกร, ธนาคารไทยพาณิชย์, เฟซบุ๊ก ประเทศไทย, ไลน์ ประเทศไทย และเคอรี่ เอ็กซ์เพรส มาร่วมแบ่งปันข้อมูล ความรู้ และกลยุทธ์การขับเคลื่อนธุรกิจที่จะเชื่อมโลกแห่งการค้าในทุกมิติ ให้ทุกคนสามารถก้าวสู่ความสำเร็จบนเวทีค้าปลีกในอนาคตร่วมกัน 

5G เทคโนโลยีเปลี่ยนโลก
การเข้ามาของเทคโนโลยี 5G เป็นตัวแปรสำคัญที่จะเปลี่ยนโลกเข้าสู่ยุคดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ ด้วยประสิทธิภาพของคลื่นความถี่ที่เหนือกว่า ทำให้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ สามารถรับส่งข้อมูลได้อย่างไร้ขีดจำกัด (IoT-Internet of things) เกิดเป็นนวัตกรรมอัจฉริยะต่างๆ มากมาย อาทิ กล้อง VR ที่จะสร้างประสบการณ์ความบันเทิงที่แปลกใหม่ให้ผู้คนได้สัมผัสบนโลกเสมือนจริง หรือการพัฒนาของอุปกรณ์ตรวจจับ และวิเคราะห์ข้อมูลต่างๆ เช่น Smart Store Analytics จากกล้องวิดีโอที่สามารถวิเคราะห์พฤติกรรมลูกค้า

ภายในร้าน หรือ Smart Coolers/ Shelves ชั้นวางขายสินค้าอัจฉริยะที่ไม่ต้องมีพนักงาน ซึ่งนวัตกรรมเหล่านี้จะเชื่อมโยงการทำงานของทุกสิ่งอย่างไร้ขอบเขต สร้างความสะดวกสบาย และเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ให้ผู้ประกอบการมีข้อมูลมากพอที่จะนำมาพัฒนาเป็นสินค้า และบริการที่ตอบโจทย์ตรงใจผู้คน ดังนั้น เพื่อให้ก้าวทันเกมการค้าในยุคดิจิทัล ผู้ประกอบการทุกคนจึงต้องเริ่มวางรากฐานของธุรกิจให้ตอบรับเทคโนโลยี 5G และเตรียมความพร้อมในการนำข้อมูล (Data) มาใช้อย่างมีประสิทธิภาพ

ข้อมูลมีค่ายิ่งกว่าน้ำมัน
ข้อมูลผู้บริโภค เป็นสิ่งที่สำคัญมากในยุคนี้ เพราะเป็นสิ่งที่จะทำให้เรารู้จัก เข้าใจพฤติกรรมที่แตกต่าง และความต้องการของผู้บริโภคมากขึ้น ซึ่งจะนำมาสู่การพัฒนาธุรกิจให้เติบโต และสร้างโปรแกรมทางการตลาดที่แตกต่าง ตรงใจ และมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น โดยการจะนำข้อมูลมาใช้ประโยชน์ทางการตลาดให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดจะต้องคำนึงถึง 4 ปัจจัยดังต่อไปนี้ 

1. Personalization ออกแบบกิจกรรมทางการตลาดเฉพาะให้ตรงความต้องการของผู้บริโภคในแต่ละบุคคล 
   2. Automatic นำระบบอัตโนมัติมาใช้สื่อสารกับลูกค้า เพื่อให้สามารถตอบสนองลูกค้าอย่างรวดเร็วที่สุด
   3. Prediction นำข้อมูลมาวิเคราะห์ความต้องการของลูกค้าล่วงหน้า
   4. Precision สร้างฐานข้อมูลให้ถูกต้อง เพื่อที่จะนำมาใช้วิเคราะห์ และสื่อสารกับลูกค้าได้ตรงจุด 

Digital Payment ที่เปลี่ยนพฤติกรรมการใช้จ่าย
ไลฟ์สไตล์ในช่วงวิกฤตการณ์โควิด-19 ทำให้ช่องทางดิจิทัล (Digital Solution) ต่างๆ ถูกนำมาใช้เร็วขึ้น รวมถึงช่องทางการชำระเงินแบบดิจิทัล (Digital Payment) ที่ผู้คนเปลี่ยนมาใช้กันอย่างกว้างขวาง จนเกิดเป็นความเคยชินที่ทำให้ปัจจุบันคนหันมาใช้ชีวิตแบบ ‘Cashless Society’ และทำให้ประเทศไทยกลายเป็นประเทศที่มีคนใช้ Mobile Banking สูงเป็นอันดับ 1 ของโลก ดังนั้นการพัฒนา ‘ช่องทางการชำระเงิน’ ให้สะดวกกับผู้บริโภค ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มช่องทางการชำระเงินผ่าน Mobile Banking การสแกน QR Code หรือการเชื่อมโยงการใช้จ่ายเงินบนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย จึงเป็นสิ่งสำคัญที่ผู้ประกอบการจะต้องเรียนรู้ เพื่อทำให้ผู้บริโภคสามารถตัดสินใจซื้อของได้ง่ายยิ่งขึ้น

Omni-Channel เชื่อมโยงทุกแพตฟอร์มแบบไร้รอยต่อ
แม้ธุรกิจบนโลกออนไลน์จะเติบโตมากขึ้น แต่ผู้บริโภคยังคงมองหาประสบการณ์ และความน่าเชื่อถือของตราสินค้าจากการได้เห็นและได้สัมผัสเช่นเดิม ดังนั้น การปรับธุรกิจให้เข้ากับโลกออนไลน์ จึงไม่ใช่การปิดหน้าร้านบนโลกออฟไลน์ แต่จะต้องเชื่อมโยงประสบการณ์ เพิ่มช่องทางการสื่อสาร และการขายให้เป็นหนึ่งเดียว

ซึ่งนี่เป็นโอกาสของผู้ประกอบการที่จะคิดค้นวิธีการสื่อสาร และการทำการตลาดใหม่ๆ ที่จะสร้างประสบการณ์ที่แตกต่างไม่เหมือนใครให้กับลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นการ ไลฟ์สดขายของจากหน้าร้าน เพื่อสร้างปฏิสัมพันธ์กับลูกค้าทุกที่ทุกเวลา (Engagement) รวมไปถึงการปรับแพ็กเกจจิ้งขนส่งให้มีลูกเล่น ก็จะช่วยเพิ่มให้มีความน่าสนใจมากขึ้น

Branding สร้างคุณค่าของแบรนด์
ด้วยสถานการณ์ที่ผ่านมา ผู้คนได้หันมาใช้ชีวิตอย่างระมัดระวังมากขึ้น และให้ความสำคัญกับปัจจัยพื้นฐานของการดำรงชีวิต ที่จะทำให้ชีวิตมีความมั่นคง และคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น เพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับวิกฤตที่อาจจะเกิดขึ้นโดยไม่คาดคิด ผู้คนมีการใช้จ่ายอย่างระมัดระวัง เริ่มเก็บออมเงินมากขึ้น และให้ความสำคัญกับคำว่า ‘คุณค่า’ ของสินค้าที่มีความเหมาะสมทั้งคุณภาพและราคา ดังนั้นผู้ประกอบการจะต้องสร้างคุณค่าของแบรนด์ให้มีความน่าเชื่อถือ และมอบประสบการณ์ที่แตกต่างให้กับลูกค้า รวมถึงต้องศึกษาพฤติกรรมผู้บริโภค เพื่อมองหาโอกาสทางการค้าใหม่ๆ หลีกเลี่ยงการทำสงครามราคา และหันมาสร้างประสบการณ์ที่มีคุณค่าให้กับผู้บริโภค 

แม้วิกฤตการณ์ที่เกิดขึ้นจะทำให้หลายคนต้องเผชิญกับความยากลำบาก และต้องปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตครั้งใหญ่ แต่ในวิกฤตก็กลายเป็นโอกาสสำหรับคนที่รู้จักพัฒนาตัวเองให้ก้าวทันการเปลี่ยนแปลงเช่นเดียวกัน ในวันนี้ที่โลกกำลังเข้าสู่ยุคดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ หากทุกคนเตรียมพร้อมปรับธุรกิจให้ตอบรับเทรนด์ดิจิทัลแห่งอนาคต ย่อมทำให้ทุกคนมีโอกาสประสบการณ์ความสำเร็จบนเวทีค้าปลีกได้อย่างแน่นอน

พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์